นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการแก้ไข พ.ร.ก.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมด้านไซเบอร์ ที่จะใช้บังคับสถาบันการเงิน และผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมด้านไซเบอร์ ตลอดจนรับผิดชอบในการช่วยเหลือประชาชนที่ถูกหลอกลวง โดยอยู่ระหว่างเตรียมนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานกฤษฎีกา
สำหรับสาระสำคัญของการแก้ไขดังกล่าว ได้แก่ 1.การมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบของธนาคารพาณิชย์ และโอเปอเรเตอร์ 2.การจ่ายเงินคืน และ 3.เพิ่มบทลงโทษผู้กระทำความผิด โดยในส่วนของการจ่ายเงินคืนให้กับผู้เสียหายยังอยู่ระหว่างการหารือ ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นด้วยเพื่อตัดทุกช่องทางของมิจฉาชีพ แต่ยังไม่มีข้อสรุป เรื่องนี้ไม่ต้องนำเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร สามารถดำเนินการได้เลย ซึ่งตนกำลังเร่งรัดอยู่
"ถ้าเราออกมาตรการไปแล้ว หากโอเปอร์เรเตอร์ และธนาคารไม่ปฏิบัติตาม ต่อมาเกิดความเสียหาย ก็ต้องมีส่วนร่วมในเงินที่ประชาชนเสียหายไป" นายประเสริฐ กล่าว
ส่วนจำนวนเงินที่จะคืนให้ผู้เสียหายนั้น ต้องเข้าสู่กระบวนการสืบทราบที่มาที่ไป หากบางรายสามารถติดตามคืนได้เร็ว ก็สามารถคืนได้ทันที แต่ถ้าทิ้งไว้ช่วงเวลาหนึ่ง แล้วเงินไปอยู่ในบัญชีของมิจฉาชีพ แม้จะดำเนินการตรวจสอบที่มาที่ไปทางการเงินได้ แต่การติดตามคืนอาจจะยากลำบาก
นายประเสริฐ กล่าวว่า ในวันที่ 1 ม.ค. 68 จะออกมาตรการป้องกันปัญหาอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต คือ กำหนดให้ผู้ส่ง SMS ไปยังโทรศัพท์ทุกเครื่องที่มีการแนบลิงก์ให้ลงทะเบียน ผู้ส่งต้องแจ้งสถานะว่าเป็นใคร หากไม่พบข้อมูล ผู้ส่งโอเปอเรเตอร์จะระงับการส่ง SMS ดังกล่าว