น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นผู้อำนวยการฯ ได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ว่าสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง จากเดิมมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 11 จังหวัด 118 อำเภอ บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 780,272 ครัวเรือน ขณะนี้เหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย 2 จังหวัด 15 อำเภอ (สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช) มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 47,355 ครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ขณะนี้กรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 70 เครื่อง พร้อมเครื่องผลักดันน้ำ 47 เครื่องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติเร็วที่สุด
ส่วนความคืบหน้าการเร่งระบายน้ำออกจากสวนส้มโอทับทิมสยาม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ขณะนี้สำนักงานชลประทานเขต 15 ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 17 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 12 เครื่องเพื่อเร่งระบายน้ำ รวมทั้งขอรับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมอีก 9 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำอีก 12 เครื่อง ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายให้กับเกษตรกร โดยล่าสุดระดับน้ำหลายจุดลดลงไม่ท่วมโคนต้นแล้ว
สำหรับการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.67 นั้น ขณะนี้มีผู้ยื่นคำร้องมาแล้ว 857,308 ครัวเรือน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยระดับอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) นำเสนอมาสู่ระดับจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) ก่อนส่งมายัง ปภ.เพื่อส่งข้อมูลไปยังธนาคารออมสินและโอนจ่ายไปยังบัญชีพร้อมเพย์ตามเลขบัตรประจำตัวประชาชนภายในสิ้นเดือน ธ.ค.67
"ข้อกังวลของผู้ได้รับผลกระทบในกลุ่มบ้านเช่าว่าจะได้รับเงินเยียวยาในส่วนนี้หรือไม่ ขอยืนยันว่าสิทธิดังกล่าวให้กับผู้ที่พักอาศัยในพื้นที่น้ำท่วมทุกครัวเรือน หากผู้เช่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบก็สามารถยื่นเรื่อง โดยแนบสัญญาเช่าบ้าน หรือหนังสือรับรองการเช่าจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อรับเงินเยียวยา 9,000 บาทได้" น.ส.ศศิกานต์ กล่าว