ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และคณะ เกี่ยวกับคดี นพ.บุญ วนาสิน กับพวก ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นคดีพิเศษที่ 136/2567
การประชุมร่วมกันของ DSI กับคณะพนักงานสอบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้รับผิดชอบเดิม เพื่อรับฟังสรุปผลการดำเนินการที่ผ่านมา และร่วมกันกำหนดแนวทางการประสานความร่วมมือในการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในการตรวจสอบทรัพย์สิน เพื่อให้เกิดในการบังคับใช้กฏหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อดำเนินคดีกับ นพ.บุญ กับพวก
คดีนี้มีผู้เสียหายประมาณ 495 ราย มูลค่าความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นจำนวนมากกว่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งอธิบดี DSI ได้กำชับและเร่งรัดการดำเนินการ เนื่องจากมีการจับกุมผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการแล้วจำนวน 13 ราย หลบหนีอีก 3 ราย โดยมีกรอบระยะเวลา 20 วันที่จะสรุปและมีความเห็นทางคดีส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษภายในเดือน ม.ค.68
รองธิบดี DSI ยืนยันว่า ขณะนี้พอทราบเบาะแสแล้วว่า นพ.บุญ หลบหนีอยู่ที่ไหน แต่ต้องขอเก็บไว้เป็นความลับในสำนวน เนื่องจากมีผลต่อรูปคดี ส่วนจะสามารถติดตามตัว นพ.บุญ และโบรกเกอร์อีก 2 รายที่หลบหนีได้ทันส่งสำนวนให้อัยการหรือไม่ก็ขอให้ติดตามการทำหน้าที่ของ DSI ที่ทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้ประสานตำรวจสากลเรื่องหมายแดงไว้แล้ว
"ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตาม แต่เรามีเบาะแสแล้ว แต่ขอสงวนไว้ เพราะมีผลต่อรูปคดี ส่วนอีก 13 รายเราก็รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์การกระทำผิดให้ได้มากที่สุด ด้วยความรวดเร็ว" ร.ต.อ.วิษณุ กล่าว
ขณะเดียวกัน DSI จะใช้ความเชี่ยวชาญในการติดตามทรัพย์สิน เช่น หุ้นตลาดหลักทรัพย์ รถยนต์ ที่ดิน รวมทั้งกองทุนต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด