กรุงเทพมหานคร (กทม.) ประกาศขอความร่วมมือขยายระยะเวลา WORK FROM HOME (WFH) เพิ่มเติมต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 24 ม.ค. 68 จากเดิมที่ได้มีการประกาศขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมถึงประชาชนร่วม WFH ในวันที่ 20-21 ม.ค. 68 เพื่อลดการเดินทาง ลดปริมาณรถยนต์ในภาคการจราจรซึ่งเป็นต้นตอหนี่งของฝุ่นในกรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากการพยากรณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 22-24 ม.ค. 68 พบว่า
1. มีเขตที่ค่าฝุ่นเข้าเกณฑ์สีส้ม 35 เขตขึ้นไป
2. อัตราการระบายอากาศไม่ดี คืออยู่ระหว่าง 875 - 2,250 ตารางเมตรต่อวินาที (m2/s) โดยวันที่ 22 ม.ค. คาดการณ์อัตราการระบายอากาศอยู่ที่ 1,750 m2/s วันที่ 23 ม.ค. คาดการณ์อัตราการระบายอากาศอยู่ที่ 1,125 m2/s วันที่ 24 ม.ค. คาดการณ์อัตราการระบายอากาศอยู่ที่ 2,125 m2/s
3. คาดการณ์ทิศทางลมตะวันออกเฉียงเหนือ
4. จุดเผาภาคกลาง/ตะวันออก 5 วันติดต่อกัน (11-15 ม.ค. 68) เกินวันละ 80 จุด
เนื่องจากมวลอากาศเย็นที่ยังคงปกคลุมพื้นที่ตอนเหนือของประเทศไทย ส่งผลให้อากาศนิ่งและจมตัว และเกิดสภาวะอากาศปิดใกล้ผิวพื้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นช่วงวันที่ 25-27 ม.ค. 68 เนื่องจากมีอัตราการระบายที่เพิ่มขึ้น
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถ WFH ได้ หรือมีความจำเป็นต้องออกจากบ้านอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ขอให้ระมัดระวังและดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ คนชรา ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคภูมิแพ้ โรคปอด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรัง ฯลฯ ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน PM 2.5 ทุกครั้งและตลอดเวลาที่ออกนอกอาคาร รวมถึงจำกัดระยะเวลาในการอยู่นอกอาคาร
อย่างไรก็ตาม ควรงดทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมากหรือเป็นเวลานาน และต้องสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ โดยสามารถเข้ารับบริการที่คลินิกมลพิษทางอากาศที่เปิดให้บริการทั้งหมด 8 แห่ง ดังนี้ โรงพยาบาลกลาง โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ โรงพยาบาลนคราภิบาล (โรงพยาบาลลาดกระบังกรุงเทพมหานคร) โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และโรงพยาบาลสิรินธร
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. คาดว่า ค่าฝุ่นจะยังเพิ่มสูงขึ้นในช่วงวันพุธ-ศุกร์นี้ และบรรเทาลงช่วงเสาร์-อาทิตย์ จึงได้ออกมาตรการห้ามรถบรรทุกเข้าในพื้นที่เขตควบคุมฝุ่นกรุงเทพมหานคร (Low Emission Zone) โดยเฉพาะรถบรรทุก 6 ข้อ ที่ไม่ได้ขึ้นบัญชีสีเขียวห้ามเข้าในเขตถนนวงแหวนรัชดาภิเษก (ยกเว้น รถอีวี รถเอ็นจีวี รถยูโร 5-6 ) โดยเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 23 ม.ค. เวลา 00.01 น. ถึงวันศุกร์ที่ 24 ม.ค. เวลา 23.59 น.
หากพบว่า รถที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีสีเขียวฝ่าฝืนเข้ามาในพื้นที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากไม่ปฏิบัติตามจะให้มีการปิดไซต์ก่อสร้างนั้นด้วย โดยเป็นการใช้อำนาจของผู้ว่าฯ กทม.
นายชัชชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมากทม. ได้มีการดำเนินการอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหา รวมถึงประสานยังกรมฝนหลวงและการบินเกษตรในการช่วยลดฝุ่นชั้นในของกทม.
ปัจจุบันมีหน่วยงานร่วมเป็นเครือข่าย WFH กับกทม. แล้ว 278 บริษัท รวม 96,307 คน คิดเป็น 48% จากเป้าหมาย 200,000 คน
ในส่วนของรถที่ขึ้นบัญชีสีเขียว (Green List) มีรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปขึ้นทะเบียน Green List แล้วประมาณ 31,041 คัน คิดเป็น 310% จากเป้าหมาย 10,000 คัน และแคมเปญรถคันนี้ #ลดฝุ่น ในการร่วมดูแลรักษาเครื่องยนต์โดยเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง/ไส้กรอง มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง/ไส้กรองแล้ว 229,711 คัน คิดเป็น 46% จากเป้าหมาย 500,000 คัน ซึ่งช่วยลด PM 2.5 จากภาคการจราจรแล้ว 12% ลดฝุ่นจากทุกแหล่งกำเนิดได้ 8% โดยหากมีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง/ไส้กรองครบ 500,000 คัน ตามเป้าหมายจะสามารถลด PM 2.5 จากภาคการจราจรได้ 25%
ปัจจุบัน มีโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครประกาศคำสั่งปิดโรงเรียนเนื่องจากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 สูง และคุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว จำนวน 21 โรงเรียน (ข้อมูล ณ วันที่ 21 ม.ค. 68 เวลา 11.30 น.) โดยมีการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ และจัดการเรียนการสอนชดเชยแทน