PM 2.5 ยังไม่ไปไหน! สธ.แนะใส่ Mask ให้ถูกต้อง ป้องกันฝุ่นได้จริง

ข่าวทั่วไป Monday January 27, 2025 17:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

PM 2.5 ยังไม่ไปไหน! สธ.แนะใส่ Mask ให้ถูกต้อง ป้องกันฝุ่นได้จริง

นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ว่า จากการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในอีก 7 วันข้างหน้า (วันที่ 28 ม.ค.-3 ก.พ. 68) แบ่งตามภูมิภาค พบว่า

  • กรุงเทพฯ และปริมณฑล, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก: ในช่วงวันที่ 28-29 ม.ค. สถานการณ์ฝุ่นจะอยู่ในระดับสีเขียว หรืออยู่ในระดับดี (15.1-25.0 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.)) แต่ในวันที่ 30 ม.ค. สถานการณ์ฝุ่นจะอยู่ในระดับสีเหลือง หรือระดับปานกลาง (25.1-37.5 มคก./ลบ.ม.) และตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.-3 ก.พ. สถานการณ์ฝุ่นจะอยู่ในระดับสีส้ม (37.6-75.0 มคก./ลบ.ม.)
  • ภาคเหนือ: ช่วงวันที่ 28-29 ม.ค. สถานการณ์ฝุ่นจะอยู่ในระดับสีเขียว หรืออยู่ในระดับดี แต่ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.-3 ก.พ. สถานการณ์ฝุ่นจะอยู่ในระดับสีเหลือง หรือระดับปานกลาง
  • ภาคใต้: ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.-3 ก.พ. สถานการณ์ฝุ่นจะอยู่ในระดับสีเขียว หรืออยู่ในระดับดี
PM 2.5 ยังไม่ไปไหน! สธ.แนะใส่ Mask ให้ถูกต้อง ป้องกันฝุ่นได้จริง

ด้าน พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ถึงแม้วันนี้สถานการณ์ฝุ่นจะเริ่มดีขึ้น แต่ยังไว้วางใจไม่ได้ เนื่องจากช่วงปลายสัปดาห์ฝุ่นจะเริ่มกลับมาอีกครั้ง ดังนั้นในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก, หญิงตั้งครรภ์, ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องระวัง โดย 4 กลุ่มโรคที่ต้องดูแลสุขภาพตนเองเป็นพิเศษ ได้แก่ ผู้ที่มีโรคประจำตัวกลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ, กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด, กลุ่มโรคตาอักเสบ และกลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ

* ข้อแนะนำในการใส่หน้ากากป้องกัน PM 2.5
PM 2.5 ยังไม่ไปไหน! สธ.แนะใส่ Mask ให้ถูกต้อง ป้องกันฝุ่นได้จริง
  • ฝุ่นระดับสีเหลือง: กลุ่มเปราะบาง ควรใส่หน้ากากอนามัย ขณะอยู่กลางแจ้ง
  • ฝุ่นระดับสีส้ม: ประชาชนทั่วไป ควรใส่หน้ากากอนามัย ขณะอยู่กลางแจ้ง, ส่วนกลุ่มเปราะบาง ควรใส่หน้ากากอนามัย ขณะอยู่ในอาคาร และควรใส่หน้ากาก N95 หรือเทียบเท่า ขณะอยู่กลางแจ้ง
  • ฝุ่นระดับสีแดง: ทั้งประชาชนทั่วไป และกลุ่มเปราะบาง ควรใส่หน้ากากอนามัย ขณะอยู่ในอาคาร และควรใส่หน้ากาก N95 หรือเทียบเท่า ขณะอยู่กลางแจ้ง
* ประสิทธิภาพของหน้ากากป้องกัน PM 2.5 คือ
  • N95 แบบไม่มีวาล์ว หรือไม่มีวาล์ว (ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอน ได้ประมาณ 95%): เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ/ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคปอด และประชาชนทั่วไป แต่ไม่เหมาะกับเด็กเล็กอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป
  • หน้ากากอนามัย (ป้องกันฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอน (กรณีแนบสนิทใบหน้า) ได้ประมาณ 50-70% ขึ้นกับยี่ห้อ และวัสดุ): เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ/โรคหัวใจ โรคปอด ประชาชนทั่วไป และเด็กเล็กอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป
  • หน้ากากผ้าฝ้าย 3 ชั้น (ป้องกันฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอน ได้ประมาณ 40.90%): เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ/โรคหัวใจ โรคปอด และเด็กเล็กอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป แต่จะมีประสิทธิภาพน้อย ส่วนประชาชนทั่วไป ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการสัมผัส และระดับฝุ่น
  • หน้ากากผ้ามัสลิน (ป้องกันฝุ่นละอองขนาด 2.5 ไมครอน ได้ประมาณ 37.80%): เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ/โรคหัวใจ โรคปอด และเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ปี แต่จะมีประสิทธิภาพน้อย ส่วนประชาชนทั่วไป ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการสัมผัส และระดับฝุ่น

ทั้งนี้ ในส่วนของเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี ไม่แนะนำให้ใส่หน้ากากทุกชนิด ซึ่งถ้าค่าฝุ่นเยอะ อาจต้องปรับที่สิ่งแวดล้อม และไม่ควรพาเด็กเล็กไปสัมผัสฝุ่น

* มั่นใจหน้ากากอนามัยไม่ขาดแคลน

นพ.วรตม์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นเรื่องหน้ากากอนามัยในไทยจะขาดแคลนหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน หน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง กระทรวงสาธารณสุข มีอยู่ประมาณ 7.4 ล้านชิ้น ซึ่งถือว่าเพียงพอ เนื่องจากประเทศไทยใช้หน้ากากอยู่ที่ประมาณ 3.3 ล้านชิ้น/เดือน ซึ่งสามารถอยู่ได้อีก 2 เดือน

ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าหน้ากากอนามัยจะหมดไป กำลังผลิตหน้ากากอนามัยของไทยสามารถผลิตได้ถึง 3 เท่าของปริมาณที่ใช้ในแต่ละเดือน หรือ 300% ดังนั้น สามารถผลิตมาเติมความต้องการของประชาชนได้

สำหรับหน้ากาก N95 มีอยู่ประมาณ 6 แสนชิ้น ซึ่งถือว่าเพียงพอเช่นกัน เนื่องจากในประเทศไทยมีการใช้งาน 1.73 แสนชิ้น/เดือน ในส่วนของกำลังการผลิตในไทยมีมากกว่าอัตราการใช้ต่อเดือน 1.5 เท่า หรือ 150% ดังนั้น ประชาชนสามารถวางใจได้ว่าหน้ากากอนามัยทั้ง 2 ชนิด จะไม่ขาดแคลน

นพ.วรตม์ กล่าวว่า ในส่วนความจำเป็นของการใช้หน้ากากอนามัย โดยเฉพาะในพื้นที่สีส้ม และสีแดง รมว.สาธารณสุข ได้มีคำสั่งให้แจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชน โดยแจกหน้ากากอนามัย 1 ชิ้น/คน ครั้งละไม่เกิน 7 ชิ้น หรือใช้ได้ 1 สัปดาห์ โดยในระยะเร่งด่วนจะเป็นการสนับสนุนจากโรงพยาบาล สาธารณสุขจังหวัด และสาธารณสุขอำเภอ เป็นฝ่ายจัดการ โดยในพื้นที่สีส้ม จะมีการแจกหน้ากากอนามัยให้กับกลุ่มเสี่ยง ส่วนพื้นที่สีแดง จะแจกหน้ากากอนามัยให้กับกลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ