พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมหารือกับนายหลิว จงอี (Mr.Liu Zhongyi) รมว.ความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เกี่ยวกับความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และกระบวนการค้ามนุษย์ หลังพบว่าประเทศไทยถูกใช้เป็นทางผ่านของเครือข่ายดังกล่าวไปยังประเทศเมียนมา เช่นกรณี "หวัง ซิง" ที่มีการเดินทางมาประเทศไทย ก่อนที่จะถูกหลอกข้ามไปยังประเทศเมียนมา ซึ่งทางการจีนสามารถออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ประมาณ 30 คน โดยขณะนี้จับได้แล้ว 20 คน และไม่พบว่ามีคนไทยไปเกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทางการไทย ที่สามารถกดดันและช่วยเหลือให้ "หวังซิง" ออกมาได้ โดยเรื่องนี้ทางการจีนก็มีความกังวลเป็นอย่างมาก
พล.ต.อ.ธัชชัย ยอมรับว่ามีการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และปฏิเสธไม่ได้ว่าจะได้รับผลกระทบในเรื่องของการปรับลดการจัดลำดับเทียร์ เนื่องจากมีความละเอียดอ่อนในปัญหาการค้ามนุษย์ ดังนั้นไทยจึงต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มงวด โดยเฉพาะในเรื่องของการตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตอย่างเด็ดขาด แต่ก็ยังพบว่ามีความพยายามลักลอบเชื่อมสัญญาณอยู่ เนื่องจากมีผลประโยชน์มหาศาล
ดังนั้น ทางการไทยก็ต้องแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง รวมทั้งในเรื่องของการโยกย้ายตำรวจในสามพื้นที่ ซึ่งมองว่าเป็นการบริหารงานบุคคลเพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ โดยจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะขณะนี้ยังไม่พบว่าผู้กำกับในสามพื้นที่ รวมทั้งข้าราชการอื่น ๆ มีความเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์แต่อย่างใด
ทั้งนี้ การที่ทางการจีนเลือกมาเจรจากับไทย เนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยเป็นมิตร และมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน อีกทั้งการเดินทางมาประเทศไทยสะดวก แต่ยอมรับว่ายังไม่ได้มีการคุยกับทางการของเมียนมา
อย่างไรก็ดี มีรายงานข่าวว่า วันพรุ่งนี้ (29 ม.ค.) จะมีการส่งตัวเหยื่อค้ามนุษย์แก๊งคอลเซ็นเตอร์จากฝั่งเมียวดี ประเทศเมียน มาให้ทางการไทย จำนวน 61 คน ซึ่งประกอบด้วยชาวต่างชาติหลายสัญชาติ และไม่มีคนไทย โดยจะส่งตัวมายัง อ.แม่สอด จ.ตาก โดยหลังจากนั้น ตำรวจจะนำตัวทั้งหมดเข้าสู่กลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) หรือการคัดแยกคัดกรองผู้เสียหายว่าจะเข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์หรือไม่ต่อไป