นายวิรไท สันติประภพ ประธานกรรมการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เสวนาในหัวข้อ "What Actions Can Leaders Take to Achieve the Corporate Brand Sustainability?" โดยให้นิยามของคำว่า "Sustainability" ว่า "ธุรกิจชนะ สังคมพัฒนา" ซึ่งหมายถึง การที่ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้ ไปพร้อมกับการยกระดับสังคม หรือทำอย่างไรให้ธุรกิจตอบโจทย์คนรุ่นนี้ แต่ไม่เบียดเบียนโอกาสของคนรุ่นหลัง หรือสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ขององค์กรด้วย
นายวิรไท มองว่า ปัจจุบัน ภาคธุรกิจมีความท้าทายในการทำแบรนด์ให้ Sustainability ทั้งหมด 3 ประเด็น คือ
1. ต้องตั้งคำถามกับ Sustainability ว่า ทำอย่างไรที่เราจะสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวได้ ไปพร้อมกับยกระดับสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเปลี่ยนจาก Sustainability information เป็น Sustainability in sustain ให้มากขึ้น
"ในไทย เราอาจติดกรอบ CSR ที่ปีไหนกำไร ก็นำงบมาทำเพื่อสังคม โดยวาระส่วนใหญ่จะมาจากสังคม เช่น น้ำท่วม เป็นต้น ซึ่งต่างจาก Sustainability ที่เป็นการลงทุนเพื่อหวังผลในอนาคต ไปพร้อม ๆ กับการทำให้สังคมดีขึ้น โดยโยงกับ Core strategy ของบริษัท" นายวิรไท กล่าว
2. Sustainability Framework ปัจจุบันมีหลากหลายกรอบ โดยหลัก ๆ ไทยอ้างอิงกรอบจากต่างประเทศ เช่น SDGs (Sustainable Development Goals) ที่มีทั้งหมด 17 เป้าหมาย หรือ ESG (Environmental, Social, Governance) ซึ่งกรอบความคิดต่าง ๆ ที่ได้มาจากโลกตะวันตก อาจไม่สอดคล้องกับบริบทของไทย
ดังนั้น มองว่าไทยควรนำกรอบมาปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกัน เช่น ESG ของต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะปัญหาสังคม และธรรมมาภิบาลไม่ได้เป็นปัญหามากนัก แต่ในบริบทของไทย มองว่า ประเด็นหลักที่บริษัทควรให้ความสำคัญ คือ เรื่องปัญหาสังคม ทั้งเรื่องความยากจน หรือหนี้ครัวเรือน ล้วนเป็นปัญหาใหญ่ รองลงมา คือ ปัญหาการคอรัปชัน และเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็มีความสำคัญ แต่หากมองการเรียงลำดับตามความสำคัญของไทย ควรเป็น SGE มากกว่า
3. ทำอย่างไรให้แน่ใจว่า สิ่งที่กำลังทำเป็น Sustainable sustainability หรือความยั่งยืนที่ยั่งยืนจริง และให้ความสำคัญกับคุณค่า
"ตั้งคำถามว่า ธุรกิจที่เราทำอยู่ สร้างผลกระทบต่อสังคมอย่างไร และเราจะจัดการเรื่องนั้นอย่างไร พร้อมมองว่าเรื่องอะไร ที่หากเราลุกขึ้นมาเริ่มทำก่อน แล้วจะได้เปรียบ มองโจทย์ของสังคม พร้อมกับโจทย์ขององค์กร" นายวิรไท กล่าว
* แนะสร้าง Global branding ช่วยเพิ่มมูลค่า-พัฒนาศก.ไทย
ด้าน นายวิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากการศึกษาเปรียบเทียบประเทศที่มี Global branding กับประเทศที่ไม่มี จะพบว่า ประเทศที่มีแบรนด์ระดับโลก จะมี GDP สูง สำหรับประเทศไทย สังเกตว่าไทยยังไม่มีแบรนด์ระดับโลก และยังทำงานให้กับแบรนด์ต่างชาติ ซึ่งทำให้เงินไหลออกหมด ซึ่งตั้งคำถามว่า นี่คือที่มาของความยากจนหรือไม่ ดังนั้น เห็นว่าไทยจำเป็นต้องสร้าง Global branding ของเราเอง ซึ่งมีมูลค่า และจะเป็นรากฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยต่อไป