
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา) ที่ จ.สงขลา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการที่สำคัญ ดังนี้
1. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 4 ปี 2567 และแนวโน้มปี 2568 ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ รายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 4 ปี 2567 มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยขยายตัว 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงผลของมาตรการและนโยบายด้านเศรษฐกิจ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้ดำเนินการตลอดมาในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. 67
แต่มีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลขการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม และการส่งออก ที่แม้จะเพิ่มมากขึ้น แต่การใช้กำลังการผลิตในประเทศ (Capital Utilization) ลดลง จึงขอให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันเร่งหามาตรการป้องกันปัญหาดังกล่าวให้เร็วที่สุด
2. การแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดพัทลุง และสงขลา ที่ได้จากการลงพื้นที่ตรวจราชการ และรับฟังปัญหาจากหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ เร่งหาแนวทางสนับสนุนการปลูกกล้วยสายพันธุ์ของพัทลุง และทุเรียนภูบรรทัด ทั้งในด้านส่งเสริมการเพาะปลูกให้แพร่หลาย รวมทั้งการหาตลาดรองรับผลผลิต เพื่อเพิ่มมูลค่าของสินค้าในชุมชนให้มากขึ้น
2) ในพื้นที่ทะเลน้อย จ.พัทลุง มีศักยภาพสูง ทั้งด้านการท่องเที่ยวและการประมง ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้ประชาชน โดยทางจังหวัดและภาคเอกชนมีข้อเสนอให้ขุดลอกทะเลน้อย กำจัดวัชพืชต่าง ๆ ฟื้นฟูนิเวศ คืนธรรมชาติ พร้อมฟื้นการประมง และส่งเสริมอาชีพให้กับท้องถิ่น โดยขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้
- ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศึกษาและกำหนดแนวทาง พร้อมทั้งจัดเตรียมงบประมาณที่จำเป็นสำหรับดำเนินการ
- ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หามาตรการในการสนับสนุนและให้ความรู้ทางวิชาการอย่างถูกต้อง สำหรับการทำประมงในพื้นที่จังหวัดสงขลา เช่น การเลี้ยงปลาดุกนา ทั้งในส่วนของระบบการหมุนเวียนน้ำ และพันธุ์ปลา เพื่อยกระดับให้ประชาชนมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
- ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศให้มากขึ้นด้วย
- ให้กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เร่งหามาตรการในการเพิ่มแสงสว่างให้กับสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทาง และไม่กระทบต่อระบบนิเวศ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมกิจการของกลุ่มบริษัท ไทยยูเนียน ที่ประสบความสำเร็จในการส่งออกอาหารทะเลไปต่างประเทศ โดยมีข้อเสนอสำคัญ ที่จะขอให้กรมประมงส่งเสริมการวิจัยพัฒนาพันธุ์กุ้งอย่างจริงจัง ฟื้นฟูความเข้มแข็ง ด้านการเลี้ยงกุ้งเพื่อการส่งออก ที่ไทยเคยเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอีกครั้ง
ส่วนการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี สั่งการว่า สำหรับตัวเมืองจังหวัดสงขลามีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยวเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ (Cruise) ขอให้กระทรวงคมนาคม เร่งศึกษาการก่อสร้างท่าเทียบเรือสำราญ และขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับท้องถิ่นพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของแหล่งท่องเที่ยว เช่น ในเมืองเก่าสงขลา อ.หาดใหญ่ หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นเจ้าภาพในการเป็นศูนย์กลางการประสานหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะลงมาร่วมพัฒนาด้วย