ครม. ทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน ให้สอดคล้องภาวะตลาด หลังผู้เลี้ยง-ปริมาณลดลง

ข่าวทั่วไป Monday March 3, 2025 12:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ครม. ทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน ให้สอดคล้องภาวะตลาด หลังผู้เลี้ยง-ปริมาณลดลง

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พิจารณาเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ ในการทบทวนมติ ครม. เมื่อวันที่ 26 มี.ค.62 เพื่อทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน และให้ใช้ข้อเสนอแนวทางการพัฒนาโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน พร้อมกับเห็นชอบการกำหนดวัตถุประสงค์ของโครงการนมโรงเรียนฯ ใน 4 ข้อ ดังนี้

1. นักเรียนทั้งประเทศได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ

2. เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม สามารถผลิตขายน้ำนมโคที่มีคุณภาพได้ และมีความยั่งยืนในอาชีพ

3. เพื่อสร้างศักยภาพความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์โคนม รัฐวิสาหกิจ และสถาบันการศึกษา ในการดำเนินกิจการผลิตนมในลำดับแรก ซึ่งจะเกิดความมั่นคงทางอาหารของประเทศ

4. ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม ได้รับการจัดสรรสิทธิ และพื้นที่การจำหน่ายอย่างเหมาะสม และเป็นธรรม

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานสถานการณ์การผลิต และการเลี้ยงโคนม ว่า ในปัจจุบันมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมลดลงจาก 15,724 ราย ในปี 2566 มาเหลือ 14,997 ราย ในปี 2567 ส่งผลให้ปริมาณน้ำนมโคของทั้งประเทศ ลดลงจาก 1.026 ล้าน/ต่อปี ในปี 2566 เป็น 1.011 ล้านตัน/ปี ในปี 2567 รวมทั้งจำนวนแม่โครีดนม ยังมีแนวโน้มลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจาก 244,292 ตัว ในปี 2566 มาเหลือ 233,501 ตัวในปี 2567

ประกอบกับภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย [Thailand - Australia Free Trade Agreement (TAFTA)) และความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไทย-นิวชีแลนด์ [Thaland - New Zealand Closer Economic Partnership (TNZCEP)) ส่งผลทำให้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 ประเทศไทยต้องยกเลิกโควตาภาษีของนมผงขาดมันเนย และนมและครีม ให้เป็น 0% ความตกลงดังกล่าวจึงผลกระทบต่อภาคการผลิตของอุตสาหกรรมนมของไทย เนื่องจากทำให้ต้นทุนการผลิตอุตสาหกรรมนมสูงขึ้น

อีกทั้งแนวโน้มจำนวนเด็กนักเรียนของไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนนักเรียนในโครงการนมโรงเรียนฯ ปี 2563 จำนวน 7,036,845 คน มาเหลือ 6,525,110 คน ในปี 2567 ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อจำนวนที่จะนำมาจัดสรรสิทธิ โดยเฉพาะภาคสหกรณ์โคนม รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษา

นอกจากนี้ เนื่องจากแนวโน้มภาคสหกรณ์โคนมรัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษาได้รับการจัดสรรสิทธินมโรงเรียนลดลง รวมถึงการยกเลิกโควตาภาษีของนมผงขาดมันเนย และนม และครีมให้เป็น 0% ส่งผลให้อุตสาหกรรมโคนม มีข้อจำกัดด้านการแข่งขันทางการตลาด ประกอบกับข้อมูลสถิติการเลี้ยงโคนม และเขตการบริหารราชการของกรมปศุสัตว์ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และการกระจายตัวของโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นมไม่สัมพันธ์กับหลักโลจิสติกส์

"การทบทวนปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จะช่วยลดปัญหาการจัดสรรสิทธิการจำหน่ายนมโรงเรียนในบางกลุ่มพื้นที่ที่มีปัญหาการขนส่ง ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่ง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลการดำเนินโครงการนมโรงเรียนฯ" นายอนุกูล ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ