"ภูมิธรรม" ย้ำไทยต้องรักษาสมดุล 2 ขั้วอำนาจ ท่ามกลางแรงกดดันจาก "ทรัมป์ 2.0"

ข่าวทั่วไป Wednesday March 5, 2025 12:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษงานครบรอบ 70 ปี สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในหัวข้อ "THAILAND VS GLOBE" โอกาสและความท้าทายในภูมิทัศน์โลก ว่า "โอกาส" และ "ความท้าทาย" ในภูมิทัศน์โลก เป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่งในยุคของความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ทั้งที่เกิดจากธรรมชาติและฝีมือมนุษย์ ซึ่งยากจะแยกออกจากกัน ดังจะเห็นได้จากสถานการณ์น้ำท่วม ดินโคลนถล่ม ภัยแล้ง และปัญหาฝุ่น PM2.5 เป็นต้น

ดังนั้น ต้องยอมรับว่าวันนี้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงจากมนุษย์ และธรรมชาติมาก ไม่นับรวมความสัมพันธ์ทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งของสมาคมโลก ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรากำลังเผชิญคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงจากทุกมิติ และต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สิ่งนี้คือกระแสพลวัตรที่รุกประชิดตัวในหลายด้าน

* เฝ้าระวังผลกระทบนโยบาย "ทรัมป์"

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ผลกระทบจากกฎระเบียบโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป การเปลี่ยนผู้นำของประเทศมหาอำนาจ อย่าง "โดนัลด์ ทรัมป์" ที่ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็เป็นปัญหาได้แล้ว ดั้งนั้น การเปลี่ยนแปลงผู้นำของประเทศมหาอำนาจ ได้ส่งแรงสะเทือนไปทั่วภูมิภาค และกำลังกำหนดทิศทางใหม่ให้กับเศรษฐกิจโลกด้วย รวมถึงการเมืองระหว่างประเทศ และความมั่นคงในแต่ละภูมิภาค

ผลของความเปลี่ยนแปลง จะทำให้แต่ละประเทศต้องเผชิญกับการเฝ้าระวัง การพิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงด้านต่าง ๆ และประคองจุดยืนของประเทศให้มีความสมดุล ขณะเดียวกัน ต้องมีเสถียรภาพ สร้างความเข้มแข็งในการจัดการปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นคง ท่ามกลางพลวัตรที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งรัฐบาลไทยตระหนักดี ถึงปัญหาและข้อเท็จจริง และกำลังดำเนินนโยบายที่สมดุล เพื่อช่วงชิงโอกาสและรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย

ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งทางการค้า และภูมิรัฐศาสตร์ระหว่าง สหรัฐฯ - จีน กำลังรุนแรงขึ้นอีกครั้ง สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อห่วงโซ่อุปทานของโลก ผลักดันให้บริษัทข้ามชาติจำนวนมากต้องปรับตัวกระจายฐานการผลิตมายังภูมิภาคอื่น ๆ โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ไทยเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจบีบให้ไทยต้องเลือกข้าง

"ประเทศไทย เป็นประเทศเล็ก และยืนยันจุดยืนมาตลอด ว่าเราเป็นมิตรกับทุกประเทศ เรารักสงบ และมีจุดยืน พยายามให้มหาอำนาจแต่ละฝ่าย ใช้ความอดทนอดกลั้นในการแก้ปัญหาอย่างสันติ เพราะสงครามที่เกิดขึ้น ไม่สร้างผลดีให้กับมนุษยชาติได้ สงครามมีแต่ทำลาย เราต้องบริหารความสมดุลของส่วนต่างๆ ให้ได้" นายภูมิธรรม ระบุ

* อาเซียนต้องจับมือ เพื่อต่อรองมหาอำนาจ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในวิกฤตย่อมมีโอกาส ดังนั้นไทยสามารถใช้จังหวะนี้ให้เป็นประโยชน์ ในการเสริมสร้างความแข่งขัน และใช้ตำแหน่งที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของประเทศให้เกิดประโยชน์สุงสุด และต้องเร่งดึงดูดการลงทุนจากบริษัทที่กำลังหาฐานการผลิตใหม่ พร้อมกับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของโลก ไทยต้องเร่งการขับเคลื่อนและเร่งการพัฒนาให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก ร่วมผลักดันให้ประเทศต่างๆ ร่วมแสวงหาโอกาสทางยุทธศาสตร์ร่วมกัน โดยเฉพาะอาเซียน เป็นโอกาสสร้างอำนาจการต่อรอง ลดการพึ่งพามหาอำนาจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งมั่นทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และขีดความสามารถของประชาชน รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมที่ทุกคนเติบโต และแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม สร้างระบบเศรษฐกิจที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น และสร้างสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจ เพื่อให้ไทยสามารถรักษาบทบาทบนเวทีโลกอย่างมีเสถียรภาพ และมีเกียรติภูมิ

"เราไม่สามารถอยู่โดดเดี่ยว หรือพึ่งพามหาอำนาจภายนอกเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ไทยต้องร่วมผลักดันอาเซียน ให้เป็นองค์กรที่เข้มแข็ง และสามารถกำหนดอนาคตของภูมิภาคนี้ได้ด้วยตัวเอง บทบาทความร่วมมือของอาเซียน สามารถถ่วงดุลกับมหาอำนาจได้ ไม่ให้ความขัดแย้งถูกนำไปขยายตามเจตน์จำนงของประเทศมหาอำนาจที่มีผลประโยชน์แตกต่างกัน" นายภูมิธรรม ระบุ

รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ในมิติด้านเศรษฐกิจ ได้ดำเนินนโยบายเชิงรุกดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปี 2567 ประเทศไทย มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุน 1.3 ล้านล้านบาท ถือว่าสูงสุดในรอบ 10 ปี เป็นผลมาจากนายกรัฐมนตรี ได้เดินสายไปเยือนต่างประเทศมากกว่า 14 ประเทศ พบผู้บริหารเอกชนชั้นนำกว่า 40 กว่าแห่ง สร้างความเชื่อมั่นการลงทุนมาสู่ประเทศไทย พร้อมกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ดิจิทัล, อิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะการลงทุนใน Data Center และ Cloud Service ที่มูลค่ากว่า 2.4 แสนล้าน เพื่อดึงเม็ดเงินเข้ามาช่วยในการพัฒนาประเทศ

"สิ่งเหล่านี้ สะท้อนความมุ่งมั่นรัฐบาลในการพลิกโฉมเศรษฐกิจไทยสู่เศรษฐกิจใหม่ และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั่วโลก นี่คือความพยายามของเรา ในการรับมือความเปลี่ยนแปลง" นายภูมิธรรม ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ