ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ประกาศเดินหน้าเป็น "ธนาคารเพื่อความยั่งยืน" (Sustainable Banking) อย่างเต็มรูปแบบ มุ่งสานต่อความสำเร็จบนเส้นทาง B+ESG ผสานธุรกิจและความยั่งยืนเข้าด้วยกัน สร้างการเติบโตแบบทั่วถึง (Inclusive Growth) ให้กับทุกภาคส่วน
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ทีทีบีมุ่งดำเนินธุรกิจตามแนวคิด B+ESG ที่ผสานธุรกิจและความยั่งยืนเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน โดยเน้นสร้างการเติบโตแบบทั่วถึง เพื่อให้ทุกคนที่มีส่วนได้เสีย (Stakeholder) มีโอกาสเติบโตไปด้วยกัน ทั้งลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร และสังคม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจที่ดีกว่าในระยะยาว และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น เพื่อก้าวสู่การเป็น "ธนาคารเพื่อความยั่งยืน" โดยตลอดเส้นทางการดำเนินธุรกิจของทีทีบีได้สร้างชีวิตทางการเงินและแก้ปัญหาให้กับผู้คนอย่างแท้จริง
ในด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ธนาคารขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net-zero ผ่านกลยุทธ์ Climate Strategy ที่ครอบคลุมทั้งการดำเนินงานของธนาคาร พันธมิตร และลูกค้า โดยได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนไปแล้วกว่า 54,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อสีเขียวและสีฟ้า 49,000 ล้านบาท และสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังสนับสนุนธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ด้วยสินเชื่อสำหรับดีลเลอร์และผู้ประกอบการ
ด้านสังคม (Social) ทีทีบีมุ่งเน้นให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม พร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐช่วยลดภาระหนี้ของประชาชน อาทิ โครงการคุณสู้เราช่วย เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และเอสเอ็มอีกลุ่มเปราะบาง และโปรแกรม "โค้ชปลดหนี้" ของธนาคารที่กำลังขยายไปสู่บริษัทพันธมิตรที่ใช้บัญชีเงินเดือนทีทีบี
นอกจากนี้ ยังส่งเสริมและสนับสนุนความรู้ทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารให้ความรู้และเคล็ดลับการเงินที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งลูกค้ารายบุคคลและลูกค้าธุรกิจ ผ่านบทความ fintips, finbiz มากกว่า 600 บทความบนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ซึ่งได้รับความสนใจและมีการเข้ามาอ่านมากถึง 1.6 ล้านครั้ง รวมถึงมีหลักสูตร LEAN for Sustainable Growth by ttb อีกทั้งสร้างแพลตฟอร์มปันบุญสำหรับมูลนิธิ โรงพยาบาล องค์กรสาธารณะ และผู้มีจิตศรัทธาสามารถเข้าถึงการบริจาคได้
ธนาคารยังมอบโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล อาทิ บัญชี ttb all free ที่มอบประกันอุบัติเหตุฟรี ช่วยเพิ่มความคุ้มครองให้ลูกค้ากว่า 2.2 ล้านคน คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลไปกว่า 222 ล้านบาท และบริการรวบหนี้ที่ช่วยลูกค้าไปแล้วกว่า 37,000 ราย แบ่งเบาภาระดอกเบี้ยเป็นมูลค่ากว่า 2,100 ล้านบาท
รวมทั้งยังช่วยลูกค้าธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่โมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนผ่านแพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถมือสอง Roddonjai ซึ่งปัจจุบันมีรถพร้อมขายทั้งหมด 77,000 คัน จากดีลเลอร์และพันธมิตรกว่า 3,000 รายทั่วประเทศ และมียอดขายรถมากกว่า 40% ของจำนวนรถที่นำเสนอขายทั้งหมด
ด้านธรรมาภิบาล (Governance) ธนาคารยึดมั่นในหลักบรรษัทภิบาลและจริยธรรมทางธุรกิจ จนครองอันดับหนึ่งธนาคารที่มีคะแนนด้าน ESG สูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ในการประเมินโดยแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand) พร้อมเสริมสร้างความมั่นคงด้านไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรฐานสากล
ท่ามกลางความท้าทายของโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทีทีบีทรานส์ฟอร์มองค์กรแบบรอบด้าน โดยโฟกัสลูกค้า 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มคนมีรถ คนมีบ้าน พนักงานเงินเดือน ลูกค้า Wealth และลูกค้าเอสเอ็มอี ผ่านฟีเจอร์บน ttb touch และการยกระดับสาขาให้เป็น Digital Branch
การดำเนินธุรกิจตามกรอบ B+ESG ทีทีบีมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งด้วยระดับเงินทุนอยู่ที่ 19.3% สูงกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด โดยในปี 2567 มีกำไรสุทธิ 2.1 หมื่นล้านบาท และอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 60%
"ทีทีบีมุ่งมั่นก้าวเป็นผู้นำการธนาคารเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติ โดยกลยุทธ์ของเราเน้นเรื่องความสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจและความยั่งยืน เพื่อการเติบโตระยะยาว ให้ความสำคัญกับการสร้าง Inclusive Growth ช่วยให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน โดยร่วมมือกับพันธมิตรสร้าง Ecosystem ให้ลูกค้าแต่ละกลุ่มแข็งแกร่ง นำธุรกิจขนาดใหญ่มาเชื่อมต่อกับซัพพลายเชน และพยายามช่วยเหลือเอสเอ็มอีในการเป็นคู่ค้ากับรายใหญ่ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ" ดร.เอกนิติ กล่าวสรุป