
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 2/2568 ว่า ได้มีการพิจารณาผลดำเนินการและมาตรการเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ 6 เรื่องสำคัญ ที่มีผลการดำเนินงานถึง 17 มี.ค.68 สรุปได้ดังนี้
1.การปราบปรามจับกุมคดีอาชญากรรมออนไลน์ เดือน ก.พ. 68 (ข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ)
- การจับกุมคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมทุกประเภท เดือนก.พ.68 มีจำนวน 4,505 ราย เพิ่มขึ้น 80.56% เทียบกับการจับกุมเฉลี่ย 2,495 คนต่อเดือน ช่วงม.ค.-มี.ค. 67
- การจับกุมคดีพนันออนไลน์ ก.พ.68 มีจำนวน 2,069 ราย เพิ่มขึ้น 94.45% เทียบกับการจับกุมเฉลี่ย 1,064 คน/เดือน ช่วงม.ค. - มี.ค.67
- การจับกุมคดีบัญชีม้า ซิมม้า และความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในเดือน ก.พ. 68 มีจำนวน 325 ราย เพิ่มขึ้น 35.42% เทียบกับการจับกุมเฉลี่ย 240 คน/เดือน ช่วงม.ค. - มี.ค.67
2. การปิดโซเชียลมีเดีย เว็บผิดกฎหมาย และเว็บพนันออนไลน์ (ปีงบประมาณ 68 ตั้งแต่ 1 ต.ค. 67 - 28 ก.พ. 68)
- การปิดกั้นเว็บไซต์พนันออนไลน์ จำนวน 33,094 (URLs) หลอกลวงออนไลน์ จำนวน 1,130 (URLs)
- การประสานแพลตฟอร์มเพื่อขอปิดกั้นเกี่ยวกับหลอกลวงออนไลน์ ที่มีคำสั่งศาล จำนวนแจ้งขอการปิดกั้น 7,338 (URLs) ที่ไม่มีคำสั่งศาล มีจำนวนแจ้งขอการปิดกั้น 21,335 (URLs) (เฉพาะในส่วนของกระทรวงดีอี)
3. การแก้ปัญหาบัญชีม้า เร่งอายัด ตัดตอนการโอนเงิน ผลการดำเนินงานที่สำคัญถึง 28 ก.พ. 68 มีดังนี้
- AOC ระงับบัญชีชั่วคราว จำนวน 337,690 บัญชี ธนาคารระงับบัญชี 997,600 รวม 1,335,290 บัญชี
- สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทำการอายัดบัญชีไปแล้วจำนวน 732,798 บัญชี (ณ วันที่ 18 มี.ค. 68)
- มาตรการปลดบัญชีม้า ที่ประชุมได้เห็นชอบ ให้ ปปง. มีอำนาจให้การปลดล็อกบัญชี "ม้าดำ" ได้เพียงหน่วยงานเดียว ขณะที่การดำเนินการ ปลดล็อกบัญชี "ม้าเทา" จะเป็นหน้าที่ของ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โดยได้พิจารณาอนุญาตให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า หากมีมากกว่า 1 บัญชี สามารถยื่นเรื่องให้ บช.สอท. ดำเนินการปลดล็อกได้ หรือขอเปิดบัญชีใหม่ได้ 1 บัญชี เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เรียกว่า "บัญชีเพื่อการยังชีพ" ซึ่งบัญชีดังกล่าวจะไม่สามารถทำธุรกรรมทางออนไลน์ได้ โดยจะต้องโอน-เบิก-ถอนเงิน ที่ธนาคารเท่านั้น
- มาตรการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินของกลุ่มธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ปปง., สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสมาคมผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ได้ร่วมหารือทำความเข้าใจ เพื่อการบูรณาการเชื่อมต่อข้อมูลบัญชีม้า การประกาศรายชื่อ HR-03 และแนวทางการพิจารณาการทำธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องสงสัย เพื่อควบคุมการทำธุรกรรมของมิจฉาชีพผ่านธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
4.การแก้ไขปัญหาซิมม้า ซิมบุคคลต่างด้าว ผลการดำเนินงานที่สำคัญถึง 28 ก.พ. 68 มีดังนี้
- การกวาดล้างซิมม้า และซิมต้องสงสัย โดย สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการยืนยันตัวตน และข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และผลการดำเนินงาน มีดังนี้
(1) รายงานผลการดำเนินการตรวจสอบการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ บุคคลธรรมดา แบบเติมเงิน (Prepaid) ที่มีการโทรออกตั้งแต่ 100 ครั้งขึ้นไป/วัน ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.66 - 17 มี.ค.68 ถูกระงับบริการ (สะสม) จำนวน 233,338 เลขหมาย โดยมีผู้ใช้บริการกลับมาแสดงตน (สะสม) จำนวน 441 เลขหมาย และยังไม่มีการมาแสดงตนของผู้ใช้บริการ (สะสม) จำนวน 232,897 เลขหมาย (ข้อมูล ณ วันที่ 17 มี.ค. 68)
(2) กลุ่มผู้ถือครองซิมการ์ด 101 เลขหมายขึ้นไป โดยมีเลขหมายที่เข้าข่าย 5,078,283 เลขหมาย มีผู้มายืนยันตัวตนแล้ว จำนวน 4,273,918 เลขหมาย จำนวนเลขหมายคงเหลือ ต้องมายืนยันตัวตน 804,365 เลขหมาย (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มี.ค. 68)
(3) กลุ่มผู้ถือครองซิมการ์ดตั้งแต่ 6-100 เลขหมาย ซึ่งมีเลขหมายที่เข้าข่าย 3,981,251 เลขหมาย มีผู้มายืนยันตัวตนแล้ว 2,424,402 เลขหมาย จำนวนเลขหมายคงเหลือต้องมายืนยันตัวตน 1,556,849 เลขหมาย (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มี.ค. 68)
- การลงทะเบียนผู้ใช้บริการที่ไม่มีสัญชาติไทย ให้ใช้เอกสารแสดงตนประกอบการลงทะเบียนเพื่อเปิดใช้งานซิมการ์ด โดยใช้หนังสือเดินทาง (Passport) เท่านั้น และให้มีการจำกัดการลงทะเบียนจำนวนไม่เกิน 3 เลขหมายต่อ 1 ผู้ให้บริการ รวมถึงได้มีข้อกำหนดเพิ่มเติมเพื่อปรับปรุงการใช้งานเทคโนโลยีชีวมิติ (biometrics) ให้มีการใช้การตรวจสอบการปลอมแปลงอัตลักษณ์ด้วยเทคโนโลยี "Liveness Detection" โดยผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ จะต้องดำเนินการปรับปรุงระบบการลงทะเบียน ภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.68 ซึ่ง กสทช.มีมติ
- มาตรการ SMS แนบลิงก์ สำนักงาน ปปง. กสทช. สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และผู้ให้บริการโทรคมนาคม ได้ดำเนินมาตรการลงทะเบียน sender name แล้วกว่า 100,000 Sender Name จากผู้ให้บริการ 42 ราย (ลงทะเบียนแล้ว 25 ราย อยู่ระหว่างดำเนินการ 4 ราย อีก 13 รายไม่มีการให้บริการข้อความแนบลิงก์)
5. การดำเนินการเรื่องเสาโทรคมนาคม สายสัญญาณอินเทอร์เน็ต และสายโทรศัพท์ที่ผิดกฎหมายตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน กสทช. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและกำหนดมาตรฐานความสูงของเสา และค่าความแรงของสัญญาณ โดยคาดว่าภายในสิ้นเดือน มี.ค.68 จะสามารถตรวจสอบครอบคลุมในทุกพื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมทั้งตรวจสอบการให้บริการโทรคมนาคมโดยสายสัญญาณ การลักลอบลากสายสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
6. การศึกษามาตรการควบคุมดูแล OTT แพลตฟอร์ม
ที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้ กสทช. และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) จัดตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาการพิจารณาออกมาตรการควบคุมดูแลแพลตฟอร์ม OTT (Over-The-Top) ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิ่งออนไลน์ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ รายการทีวี เพลง และพอดแคสต์ ได้โดยตรงผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่ผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายหรือเคเบิลแบบดั้งเดิม ตัวอย่างแพลตฟอร์มยอดนิยม ได้แก่ Netfix, YouTube, Disney+, TikTok และ Spotify ซึ่งพบว่าอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพใช้ก่ออาชญากรรมออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การหลอกลวงออนไลน์ การเผยแพร่เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม หรือการละเมิดลิขสิทธิ์ ที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชน
สำหรับเรื่องดังกล่าว จะมีพิจารณามาตรการหลัก 5 ด้าน เพื่อเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เป็นธรรมและยั่งยืน ทั้งสำหรับผู้บริโภค ผู้ให้บริการ และเศรษฐกิจดิจิทัลโดยรวม ดังนี้
1. มาตรการด้านความปลอดภัย
- ควบคุมการละเมิดลิขสิทธิ์และป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย และกำหนดมาตรการยืนยันตัวบุคคล เพื่อป้องกันการใช้แพลตฟอร์มไปในทางที่ผิด
2. การออกระเบียบเพื่อกำกับด้านเนื้อหา
- ปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถควบคุมเนื้อหาที่เผยแพร่บนแพลตฟอร์ม OTT ได้อย่างเป็นรูปธรรม
- กำหนดให้แพลตฟอร์มต่างประเทศที่ให้บริการในไทย ต้องขอใบอนุญาต และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงาน และกฎหมายของประเทศไทย
- ผลักดันแนวทางการกำกับดูแลร่วมกัน ไปสู่เวทีระดับนานาชาติ
3. การส่งเสริมด้านอุตสาหกรรมดิจิทัล และการจัดเก็บภาษี
- การส่งเสริมผู้ประกอบการไทย เพื่อการพัฒนาแพลตฟอร์ม
- กำหนดให้แพลตฟอร์ม OTT ที่มีรายได้จากผู้ใช้ในไทยต้องเสียภาษีในประเทศไทย
- ส่งเสริมการสร้างมูลค่าจากธุรกิจดิจิทัลภายในประเทศที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
4. การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- กำหนดให้แพลตฟอร์ม OTT ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น GDPR ของยุโรป
- ควบคุมการเก็บและการใช้ข้อมูลของผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว
5. การกำกับดูแลด้านการแข่งขัน
- ป้องกันการผูกขาดของแพลตฟอร์ม OTT ขนาดใหญ่ ที่อาจทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
- สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาแพลตฟอร์มท้องถิ่น และการกระจายอำนาจในตลาด
"กระทรวงดีอี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้บูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อกวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ บัญชีม้า และซิมม้า และเร่งการอายัดบัญชีธนาคาร ตัดเส้นทางการเงิน การปิดกั้นโซเชียลมีเดีย หลอกลวงผิดกฎหมาย และเว็บพนันออนไลน์ รวมทั้งการระงับบัญชีม้า ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขความเสียหายลดลงอย่างต่อเนื่อง" นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าของการพิจารณา ร่างแก้ไข พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งปรับปรุงกฎหมายเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาใกล้แล้วเสร็จ โดยกระทรวงดีอี เตรียมหารือร่วมกับสมาคมธนาคารไทย, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), ก.ล.ต., ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับการดำเนินการตามมาตรการให้สอดคล้องกับ พ.ร.ก. ที่จะมีผลบังคับใช้ต่อไป