ความยิ่งใหญ่ของพญามังกรที่กำลังเยื้องย่างอย่างสง่างามท่ามกลางสายตาของนานาประเทศทำให้แผ่นดินที่ถูกเรียกขานนามว่า “จีน" เป็นหนึ่งในประเทศที่ทรงอิทธิพลบนเวทีโลก ที่แม้แต่มหาอำนาจอันดับหนึ่งอย่างสหรัฐอาจต้องเพลี่ยงพล้ำบนสังเวียนเศรษฐกิจ
ข้อเท็จจริงที่ว่าเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูของจีนได้ผลักดันให้ตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 10 ต่อปีจากการผสานส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างเทคโนโลยีล้ำหน้ากับแรงงานราคาถูก ภาวะเช่นนี้เองทำให้จีนก้าวขึ้นสู่ทำเนียบประเทศผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก แต่ดูเหมือนว่าจีนจะยังไม่ยอมหยุดเส้นทางความยิ่งใหญ่ไว้แค่นั้น เมื่อปีนี้จีนประกาศศักดาการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติที่เหลือเวลานับถอยหลังอีกเพียงไม่ถึง 3 เดือน มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ปักกิ่งเกมส์ปี 2008 ก็จะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ
ขณะเดียวกันเส้นทางความยิ่งใหญ่ที่จีนหมายมั่นปั้นประเทศให้เป็นมหาอำนาจในทุกด้านกลับไม่ได้โรยด้วยกลีบโบตั๋น หากแต่ต้องเผชิญก้านหนามแห่งความวิปโยคที่ทิ่มแทงจีนอย่างไม่หยุดหย่อน จนทั่วโลกอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า พญามังกรตัวนี้จะออกอาการสั่นสะท้านกับแรงสั่นสะเทือนของหายนะมากน้อยแค่ไหน และต่อจากนี้คือประมวลเหตุการณ์ม่านมรสุมที่จีนต้องฟันฝ่ามาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2551
*26 มกราคม 2551
เหตุพายุหิมะรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี : ในยามที่ทั่วโลกเพิ่งก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ได้เพียง 26 วัน จีนกลับต้องเผชิญความหนาวเหน็บในช่วงเหมันต์ฤดูจากวิบัติภัยพายุหิมะรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี ขณะที่ประชากรหลายสิบล้านคนซึ่งเตรียมตัวเดินทางกลับมาตุภูมิเพื่อฉลองการก้าวเข้าสู่ปีชวดของชาวแผ่นดินใหญ่ก็ต้องพบความผิดหวังเมื่อพิษจากสภาพอากาศที่เลวร้ายสั่นคลอนให้ระบบขนส่งเป็นอัมพาต ส่งผลให้มีผู้โดยสารตกค้างตามสถานีรถไฟเรือนแสน ขณะที่หลายพันล้านคนฉลองตรุษจีนท่ามกลางความมืดมิด เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า
กระทรวงกิจการพลเรือนของจีนระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุหิมะในครั้งนี้มีจำนวน 129 คน ขณะที่ตัวเลขความเสียหายทางเศรษฐกิจนั้นมีการประเมินไว้ที่ 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยภัยพิบัติครั้งนี้ยังส่งผลให้ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นตัวเลขชี้วัดภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น 8%ในไตรมาสแรกของปี ขณะที่เศรษฐกิจยังโตได้ถึง 10.6%
*14 มีนาคม 2551
เหตุทิเบตประท้วงจีนบานปลายร้ายแรงที่สุดในรอบ 20 ปี : ในปีที่จีนกำลังประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ของการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ภาพลักษณ์อันสวยหรูที่รัฐบาลเฝ้าฟูมฟักมาตลอดกลับต้องมัวหมองลง เมื่อต่างชาติรุมประณามถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากกรณีที่จีนนำกองกำลังเข้าปรามปราบกลุ่มประท้วงและเรียกร้องอิสรภาพทิเบตจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 22 รายตามรายงานของทางการจีน ขณะที่กลุ่มชาวทิเบตชี้ว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงสูงกว่าที่รัฐบาลอ้างไว้หลายเท่านัก
ขณะที่สถานการณ์ประท้วงยังคุกรุ่น ดูเหมือนว่าสื่อจีนเองก็ยิ่งโหมกระพือไฟแห่งความเคียดแค้นชิงชังของชาวทิเบตมากขึ้น โดยหนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ ของทางการจีนได้ออกโรงวิพากษ์วิจารณ์องค์ดาไล ลามะอย่างเผ็ดร้อนว่า พระองค์เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเหตุจลาจลในครั้งนี้ และพยายามที่จะล้มล้างมหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกจนเกิดกระแสก่อกวนการวิ่งคบเพลิงในหลายประเทศ แต่ยังไม่ทันที่สงครามการเมืองภายในจะยุติ รัฐบาลจีนก็ต้องร้อนๆหนาวๆอีกครั้งเมื่อ โรนัลด์ โนเบิล ผู้อำนวยการองค์การตำรวจสากล กล่าวแนะให้จีนเตรียมรับมือกับความเป็นไปได้ที่กลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์อาจโจมตีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้
อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวประเด็นความขัดแย้งระหว่างจีนและทิเบตนั้น ล่าสุดรัฐบาลจีนได้ยื่นข้อเสนอในการเจรจากับตัวแทนขององค์ดาไล ลามะ ขณะที่นักวิเคราะห์ต่างตั้งข้อสังเกตว่า เหตุผลของจีนที่อยู่เบื้องหลังการเจรจาดังกล่าวอาจเป็นเพราะจีนต้องการกู้ภาพลักษ์มหกรรมกีฬาโอลิมปิกมากกว่าที่จะตั้งใจคลายปมปัญหาในทิเบต
*12 พฤษภาคม 2551
เหตุแผ่นดินไหวครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 30 ปี : ขณะที่รัฐบาลจีนกำลังฟื้นฟูภาพลักษณ์และความเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จีนต้องเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.8 ริคเตอร์ ในมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งจนถึงวันนี้ (23 พ.ค.) ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดที่ทางการจีนรายงานพุ่งมาอยู่ที่ 55,239 รายแล้ว ส่วนการระดมความช่วยเหลือนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุธรณีพิโรธ โดยสำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีหู จิ่น เทา ของจีนได้เดินทางลงพื้นที่ในเมืองหมินยาง มณฑลเสฉวน เพื่อประเมินความเสียหายด้วยตัวเองพร้อมกำชับหน่วยกู้ภัยให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
จากภัยธรรมชาติครั้งนี้สะท้อนภาวะผู้นำของจีนได้อย่างดี เมื่อเทียบกับรัฐบาลทหารพม่าที่โดนวาตภัยนาร์กิสเล่นงานก่อนหน้านั้น 1 สัปดาห์ แต่การให้ความช่วยเหลือยังล่าช้าล้าหลังจีนชนิดไม่เห็นฝุ่น และหากมองย้อนกลับไปดูสปิริตผู้นำสหรัฐเมื่อครั้งพายุเฮอร์ริเคนแคทรีน่าถล่มและคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า1,300 รายนั้น การให้ความช่วยเหลือของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็ยังห่างไกลผู้นำจีนอยู่หลายขุม
จุดนี้เองทำให้ Frederick Kempe คอลัมนิสต์เจ้าของบทความเรื่อง “China Teaches Something in Quake" ที่โพสต์ลงบนเว็บไซต์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กตั้งข้อสังเกตว่า หากบุชเค้นสปิริตผู้นำออกมาได้เทียบเท่าจีน บุชอาจเป็นประธานาธิบดีที่ครองใจชาวสหรัฐได้มากกว่านี้ และเขาก็อาจก้าวลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อครบวาระในต้นปีหน้าได้อย่างสง่าผ่าเผย
ดังนั้นในส่วนของบททดสอบความเป็นผู้นำ ต้องถือว่าจีนสอบผ่านฉลุย ขณะที่ผลกระทบจากแผ่นดินไหวก็ไม่ได้ทำให้พญามังกรตัวนี้สะดุ้งสะเทือนมากนัก โดยผู้สันทัดกรณีมองว่า มณฑลเสฉวน ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว คิดเป็นสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีนเพียงร้อยละ 3.9 เท่านั้น ขณะที่ภาพลักษณ์การจัดกีฬาโอลิมปิกก็ยังไม่สั่นคลอน โดยนายหลี่ จิวหลิน หัวหน้าวิศวกรก่อสร้างสนามกีฬาแห่งชาติ หรือสนามกีฬารังนก กล่าวยืนยันว่า บริเวณจัดการแข่งขันโอลิมปิกไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว เพราะสนามกีฬาขนาด 9.1 หมื่นที่นั่งแห่งนี้ได้รับการออกแบบให้รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 8.0 ริกเตอร์ เช่นเดียวกับเขื่อนใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Three Gorges Dam ก็ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
ทั้งหมดทั้งปวงที่เกิดขึ้นกับจีนตั้งแต่ต้นปีมานี้อาจเป็นสิ่งสะท้อนความจริงที่ว่า ไม่มีความยิ่งใหญ่ใดได้มาอย่างง่ายดาย ซึ่งกว่าที่จีนจะผงาดขึ้นเป็นพญามังกรเขย่าโลกทั้งใบได้นั้น จีนยังต้องฟันฝ่ามรสุมอีกหลายลูกที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ในอนาคต และตราบใดที่กำแพงเมืองจีนยังคงทอดยาวยืนหยัดท้าทายกาลเวลา แน่นอนว่าทั่วโลกก็จะยังคงจับตามองชะตากรรมของจีนต่อไปอย่างไม่ละสายตาเช่นกัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--