เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยว่า สถานการณ์ด้านราคาน้ำมันที่พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 146 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อม
Yvo de Boer ผู้อำนวยการประจำสำนักงานว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศแห่งสหประชาชาติ (UNFCCC) กล่าวว่า "ผมคิดว่าภาวะดังกล่าวเป็นเรื่องดี ซึ่งสิ่งแรกที่เห็นได้ชัดคือ ความต้องการในยุโรปและอเมริกาเหนือลดลง เนื่องจากประชาชนเริ่มตระหนักถึงราคาน้ำมันกันมากขึ้น"
"นอกจากนั้นแล้ว ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันด้านการหาแหล่งพลังงานหมุนเวียน และช่วยกระตุ้นให้เกิดความสนใจด้านการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า แต่ขณะเดียวกันภาวะน้ำมันแพงยังทำให้รูปแบบการสกัดน้ำมันดิบผ่านกระบวนการกลั่นที่มีความเข้มข้นสูงเป็นที่ดึงดูดใจมากขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการปล่อยก๊าซพิษออกสู่ชั้นบรรยากาศสูงขึ้นตามมา หากมีการนำแหล่งพลังงานดังกล่าวมาใช้ในเชิงพาณิชย์" เขาเสริม
ทั้งนี้ รูปแบบการสกัดน้ำมันที่กล่าวถึงข้างต้น ได้แก่ การสกัดน้ำมันจากแหล่งทรายน้ำมันในแคนาดา ซึ่งมีส่วนผสมที่เข้มข้นของทราย น้ำ และน้ำมันที่อัดแน่นรวมกัน ซึ่งแหล่งทรายน้ำมันแห่งนี้สามารถสกัดน้ำมันจากทรายมาใช้ได้โดยผ่านกระบวนการแยกน้ำมันเหนียว ซึ่งขั้นตอนการสกัดและกลั่นน้ำมันนี้เองที่จะผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า แหล่งทรายน้ำมันจะเป็นทางรอดเดียว หากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังเคลื่อนไหวในระดับสูง
อย่างไรก็ดี ประธานของบริษัทน้ำมันในอินเดียกล่าวว่า อินเดียอาจทุ่มเงินลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อดำเนินธุรกิจด้านแหล่งทรายน้ำมันในอนาคต
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--