ผลการศึกษาของบริษัทกฎหมาย Mishcon de Reya ชี้ว่า พนักงานในย่านการเงินของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษมองว่า วิกฤตสินเชื่อที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มที่จะทำให้อัตราการหย่าร้างสูงขึ้น ในขณะที่คู่สามีภรรยาหลายคู่ก็หาทางแก้ปัญหา ก่อนที่ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อเงินเดือนของคู่ครอง
ผลการสำรวจเทรดเดอร์ ผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ และโบรกเกอร์ 100 รายชี้ว่า ผู้ตอบรับการสำรวจ 79% มองว่า ชีวิตการแต่งงานมีแนวโน้มว่าจะสิ้นสุดลงในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ 1 ใน 5 ของผู้ตอบรับแบบสอบถามพบว่า มีคู่สมรสที่หย่าร้างอย่างน้อย 1 รายนับตั้งแต่ที่เริ่มเกิดวิกฤตสินเชื่อ ส่วน 1 ใน 10 กังวลว่า คู่สมรสของตัวเองกำลังหาทางหย่าให้ถูกต้องตามกฎหมายอยู่
อังกฤษกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยในขณะที่ราคาบ้านร่วงลง ธนาคารได้ควบคุมการออกสินเชื่อ และต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยนายเมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษกล่าวเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ว่า อัตราเงินเฟ้ออาจจะพุ่งสูงถึง 4% สูงขึ้นถึง 2 เท่าจากเป้าหมาย และอาจจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง
ผลการศึกษาชี้ว่า คนทำงานในเมือง 54% มีความรู้สึกว่างานของตนเองมีความอ่อนไหวมากกว่าปีที่แล้ว
แซนดรา เดวิส จากบริษัท Mishcon de Reya ซึ่งเคยดูแลเรื่องการหย่าร้างของเจ้าหญิงไดอาน่า นางแบบชื่อดังอย่างเจอร์รี่ ฮอลล์ และนักฟุตบอลคนดังอย่างเทียรี่ อองรี กล่าวว่า วิกฤตสินเชื่อบ่งชี้ถึงลางร้ายที่มากขึ้นในปัจจุบัน เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นในชีวิตคู่ แม้ว่าจะตกลงกันได้เรื่องเงินแล้ว รอยร้าวก็ยังคงมีอยู่
ทั้งนี้มีเพียง 4% เท่านั้นของผู้ตอบรับการสำรวจที่กล่าวว่า ตนเองได้ทำข้อตกลงก่อนแต่งงานไว้แล้ว และอีก 5% กล่าวว่า ตนเองเสียใจที่ไม่ได้ทำข้อตกลงก่อนแต่งงาน ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้มีผลผูกพันภายใต้กฎหมายของอังกฤษ
ผลการสำรวจชี้ว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 60% ได้ขอให้คู่ครองของตนเองลดการใช้จ่ายลง และ 19% กล่าวว่า คู่ครองปฏิเสธที่จะประหยัด และเกือบครึ่งเชื่อว่า พนักงานการเงินมีแนวโน้มที่จะลดค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาความสัมพันธ์ไว้
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษชี้ว่า อัตราการหย่าร้างในอังกฤษฉละเวลส์ตกลง 7%ในปี 2550 เหลือ 132,562 ราย ซึ่งถือเป็นสถิติที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2532 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--