คณะกรรมาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าใกล้สูญพันธุ์ (CITES) กำลังประชุมกันที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยประเด็นสำคัญที่มีการหยิบยกขึ้นมาหารือในการประชุมระยะเวลา 5 วัน ได้แก่ การคุ้มครองพืชพันธุ์และสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ อาทิ การทำฟาร์มเสือในเอเชีย การส่งออกไม้มะฮอกกานีจากอะเมซอน และข้อเสนอให้จีนสามารถนำเข้างาช้างได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในการประชุมครั้งนี้
ทั้งนี้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของไซเตสพอใจกับมาตรการบังคับใช้กฎหมายห้ามลักลอบค้างาช้างของจีน แต่กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่างพากันคัดค้านข้อเสนอดังกล่าว โดยอ้างว่าจีนไม่มีมาตรการควบคุมการค้างาช้างที่รัดกุมเพียงพอ และกล่าวว่าการอนุญาตให้จีนนำเข้างาช้างได้อย่างถูกกฎหมายอาจเป็นการกระตุ้นการลักลอบค้าพืชพันธุ์และสัตว์ป่าในตลาดมืดได้ เนื่องจากงาช้างเป็นสินค้าที่กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดมืด ซึ่งมีจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่าการซื้อขายหลายร้อยล้านดอลลาร์
บีบีซีรายงานว่า องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ได้สั่งห้ามการค้างาช้างในปีพ.ศ. 2532 และนับแต่นั้นเป็นต้นมาไซเตสก็ได้เฝ้าสังเกตและตรวจตราเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งไซเตสเคยอนุญาตให้มีการจำหน่ายงาช้างที่มาจากบอทซาวานา นามิเบีย แอฟริกาใต้ และซิมบับเวเพียงครั้งเดียว เนื่องจากประเทศในแอฟริกา 4 ประเทศนี้รักษาระดับประชากรช้างได้คงที่
--อินโฟเควสท์ โดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--