นายกล้านรงค์ จันทิก โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ยืนยันว่า ป.ป.ช.จะเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพราะเชื่อว่ามีอำนาจตามกฎหมายถูกต้อง และจะไม่ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติและที่มาของ ป.ป.ช. แม้จะมีประชาชนเข้าชื่อเพื่อถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช.
"เราได้คุยกันแล้ว ไม่มีหน้าที่จะส่งไปตีความ เราทำงานไปตามกรอบของกฎหมาย...ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย เราพร้อมที่จะชี้แจง หากผลการวินิจฉัยขององค์กรที่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร เราก็พร้อมปฏิบัติตาม" นายกล้านรงค์ กล่าวถึงกรณีที่ประชาชนที่เข้าชื่อยื่นถอดถอนกรรมการ ป.ป.ช.เนื่องจากไม่ได้มีการโปรดเกล้าแต่งตั้งตามกระบวนการ
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า เหตุผล 2 ประการที่ ป.ป.ช.สามารถทำงานต่อได้ คือ ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ (คปค.)ฉบับที่ 19 เมื่อ 22 ก.ย.49 ได้แต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. และ ป.ป.ช.ได้มีหนังสือแจ้งไปถึงสำนักเลขาธิการ คปค.เรื่องการนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง แต่สำนักเลขาธิการ คปค.แจ้งว่า เมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว จึงจะให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอเรื่องดังกล่าว และเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว เลขาธิการครม.แจ้งว่าการแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ถือว่าสมบูรณ์แล้ว เนื่องจาก คปค.มีฐานะเป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่มีอำนาจเด็ดขาดเพียงผู้เดียว
นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังได้อ้างแนวคำพิพากษาที่เคยวินิจฉัยว่าคำสั่งของหัวหน้าคณะปฏิวัติให้ถือเป็นกฎหมายบังคับใช้ แม้คณะปฏิวัติจะสลายตัวไปแล้วและมีรัฐธรรมนูญใหม่ออกมาบังคับใช้ก็ตาม ยกเว้นแต่จะมีการออกกฎหมายมายกเลิกประกาศหรือคำสั่งนั้นๆ
"เห็นอย่างชัดเจนว่า ป.ป.ช.ชุดนี้ เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายมาตั้งแต่ต้น...จากข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงทั้งหมด จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ป.ป.ช.ได้ทำหน้าที่ไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้" นายกล้านรงค์ ระบุ
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ป.ป.ช.มีความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณมาโดยตลอด ไม่เคยกระทำหรือแม้แต่จะคิดล่วงละเมิดพระราชอำนาจ นอกจากนี้ยังได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เที่ยงธรรม และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ตามปณิธานที่ได้ประกาศไว้
ด้านนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. ยืนยันว่า ไม่หนักใจกรณีที่มีการยื่นถอดถอน และพร้อมเดินหน้าทำหน้าที่ให้ดีที่สุดโดยถือตามหลักกฎหมาย และพิจารณาเรื่องต่างๆ ตามกรอบที่กำหนดไว้ ซึ่งตลอดการทำงานเกือบ 2 ปี ได้ยึดถือความถูกต้อง เที่ยงธรรม และซื่อสัตย์ตลอดเวลา
นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า หาก ป.ป.ช.หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็จะส่งผลกระทบต่อคดีที่คั่งค้าง เพราะ ป.ป.ช.ชุดนี้เข้ามารับงานต่อจากที่ ป.ป.ช.ชุดก่อนที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปถึง 2 ปี หาก ป.ป.ช.ทำงานแบบลุ่มๆ ดอนๆ ก็จะเป็นปัญหา เพราะยังมีคดีที่รับช่วงต่อจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งหากพิจารณาในทางกฎหมายก็เชื่อว่า ป.ป.ช.จะอยู่ตามวาระได้ถึง 9 ปี
ส่วนที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ป.ป.ช.ชุดนี้ไม่ได้รับโปรดเกล้าฯ นั้น เห็นว่าการได้รับการโปรดเกล้าฯ ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าผู้ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ นั้นจะทำงานด้วยความซื่อสัตย์ตามที่ได้ปฏิญาณตนไว้
"เรื่องนี้ไม่ได้ยืนยันว่าการเข้าถวายสัตย์ปฏิญานแล้ว จะไม่ตระบัดสัตย์ เพราะที่ผ่านมาการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ก็มีรัฐมนตรีหลายคนที่ถูกชี้มูลความผิด หรือยังติดคุกอยู่ก็มี"นายวิชา ระบุ
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--