ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวก่อนเดินทางไปร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งในสัปดาห์หน้า ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนเป็นไปอย่างแน่นแฟ้น พร้อมกับเรียกร้องทั้งสองฝ่ายกระชับความสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งมากขึ้นเพื่อที่จะพัฒนาระดับความเข้าใจและความไว้วางใจ
บุชกล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่งสองชาติมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐแน่นแฟ้นขึ้นนั้น รวมถึงการจัดเจรจาเศรษฐกิจเชิงยุทธศาสตร์ปีละ 2 ครั้ง ซึ่งบุชมองว่าการจัดการเจรจาดังกล่าวทำให้สหรัฐเปลี่ยนมุมมองจากเดิมที่เคยมองว่าจีนเป็นคู่แข่งเชิงทางการค้าในปี 2544 ซึ่งเป็นช่วงที่บุชเริ่มเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี มาเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญและมีความหมายกับจีน
"ความสัมพันธ์ของสหรัฐและจีนดีขึ้นจนเรียกได้ว่าสนิทชิดเชื้อ การจัดเจรจาเศรษฐกิจระดับทวิภาคีช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น เราหารือกันเกี่ยวกับปัญหาที่เราเผชิญเหมือนๆกัน และใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เรามีเหมือนๆกันด้วย" บุชกล่าวกับผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ บุชได้พูดคุยกับสื่อมวลชนจากจีนและประเทศพันธมิตรเก่าแก่อย่างจีนและเกาหลีใต้ โดยเขาย้ำถึงความสำเร็จด้านความร่วมมือกับประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่ม 6 ฝ่ายที่ตั้งขึ้นเพื่อเป้าหมายที่จะบีบให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์
ด้านจีนนั้นได้กล่าวยกย่องสหรัฐภายใต้การนำของบุชด้วยเช่นกัน พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้สิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารช่วงกีฬาโอลิมปิก โดยนายหลิว เจี้ยนเฉา รมว.ต่างประเทศสหรัฐกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ว่า "ประธานาธิบดีบุชได้พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐ"
อย่างไรก็ตาม กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่า จีนไม่ได้ทำตามคำมั่นสัญญาณที่จะปรับปรุงเสรีภาพทางการเมืองและการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวล ซึ่งเป็นหนึ่งในคำมั่นสัญญาที่จีนให้ไว้ในระหว่างการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งระหว่างวันที่ 8-24 ส.ค. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--