ฮัลลิเบอร์ตัน โค (Halliburton Co.) บริษัทผู้ให้บริการด้านแหล่งน้ำมันรายใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกเปิดเผยว่า จากภาวะราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งร่วงลง 17% ในไตรมาสนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อยอดการทำสัญญาขุดเจาะน้ำมันและสำรวจน้ำมัน
เดวิด เลซาร์ ซีอีโอของฮัลลิเบอร์ตันกล่าวว่า "แม้ผู้บริโภคจะซึมซับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง แต่การวางแผนถึงโครงการระยะยาวจะไม่มีผลต่อการเพิ่มหรือลดคำสั่งขุดเจาะน้ำมัน และผมยังไม่เห็นว่าการที่น้ำมันร่วงลงจะส่งผลร้ายแรงต่อธุรกิจของเรา"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาน้ำมันร่วงลงไปแล้วประมาณ 30 ดอลลาร์จากระดับ 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมาจากสัญญาณบ่งชี้ที่ว่าอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐชะลอตัวลง ขณะที่เศรษฐกิจในยุโรปก็ซบเซา อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงเคลื่อนไหวอยู่สูงกว่า 60% ในปีก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ฮัอลลิเบอร์ตันได้เปิดสำนักงานใหญ่แห่งที่สองในเมืองดูไบเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งจะคอยควบคุมแหล่งสำรองน้ำมันดิบที่มีปริมาณน้ำมัน 2 ใน 3 ของโลก นอกจากนั้น บริษัทยังขายหุ้นในแผนกวิศวกรรมของบริษัทเคบีอาร์ อิงค์เมื่อปีที่ผ่านมาเพื่อพุ่งเป้าที่การดำเนินธุรกิจแหล่งน้ำมันมากขึ้น
ฐานการผลิตน้ำมันรายใหญ่ในตะวันออกกลางต่างอยู่ในซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งรวมถึงแหล่งน้ำมัน Khurais ที่จะสามารถผลิตน้ำมันได้ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันทันทีที่โครงการใหญ่ของรัฐวิสาหกิจอารามโคซึ่งมีเป้าหมายกระตุ้นกำลังการผลิตน้ำมันขึ้น 11% แตะที่ 12.5 ล้านบาร์เรลต่อวันเสร็จสิ้นลงในปี 2552
"โครงการบ่อน้ำมัน Khurais กำลังไปได้สวยและใกล้เสร็จสิ้นลงแล้ว" เลซาร์กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฮัลลิเบอร์ตันคว้าสัญญาในเดือนเม.ย.เพื่อให้บริการแหล่งน้ำมันมานิฟาบริเวณนอกชายฝั่งที่มีเป้าหมายผลิตน้ำมันให้ได้ที่ 900,000 บาร์เรลต่อวัน และเป็นโครงการใหญ่ที่สุดอันดับสองของซาอุดิอาระเบีย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--