พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการข่าวสาร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (ผอ.รมน.สน.) กล่าวถึงเหตุระเบิดที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ทำให้ชาวสุไหงโก-ลก มีความตื่นตัว ระมัดระวังมากขึ้น ด้านกองทัพจะรักษาความปลอดภัยเข้มข้นขึ้น โดยเพิ่มการเฝ้าตรวจทางอากาศ ติดตามจับกุมบุคคลที่เคยก่อเหตุตามหมายจับมาดำเนินคดี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการสัญจรภายในเมืองสุไหโก-ลก บ้าง และต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ให้เข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
พ.อ.อัคร กล่าวต่อว่า เชื่อว่าเรื่องศาสนาซึ่งจะเข้าช่วงเดือนรอมฎอนในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ไม่ใช่สาเหตุของเหตุการณ์รุนแรงครั้งนี้ สำหรับเบาะแสต่างๆ จากที่เกิดเหตุ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอาจส่งผลต่อรูปคดี แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่าช่วงที่มีการก่อเหตุ อาจจะมีการขนย้ายยาเสพติดในพื้นที่ก็เป็นได้
ผอ.กองปฏิบัติการข่าวสารฯ กล่าวด้วยว่า หลังการประกาศหยุดยิงของกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ แต่ยังคงมีเหตุการณ์รุนแรงนั้น ทำให้เห็นได้ว่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่มีหลายกลุ่ม และไม่ได้ก่อเหตุเพื่ออุดมการณ์ หรือการแบ่งแยกดินแดนอย่างแท้จริงแต่ทำเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นหน้าสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก พบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเป็น 40 คน โดยนายชาคริต ฉลาดธนกิจ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิธารน้ำใจ ซึ่งอาการสาหัสจากการที่ถูกไฟคลอกทั้งตัว ได้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยสามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ 15 คน รวมถึง พ.ต.อ.ปราบพาล มีมงคล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก ที่ได้รับบาดเจ็บถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณหัวเข่า
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งมีนายธิติกานต์ แสนไทย ปลัดป้องกันอำเภอสุไหงโก-ลก นายผดุง วรรณรัตน์ ผู้สื่อข่าวโมเดิร์นไนน์ทีวี เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย รวม 6 ราย ได้ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อตรวจสอบและรักษาอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนไฟที่ดับครึ่งเมืองตลอดคืนที่ผ่านมา ขณะนี้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสุไหงโก-ลก ได้ดำเนินการซ่อมแซมไปแล้วกว่าร้อยละ 70 คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในวันนี้
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--