บริษัทสำรวจน้ำมันหลายแห่งเตรียมดำเนินการถอนย้านแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซที่อ่าวเม็กซิโกในวันพรุ่งนี้ เพื่อรับมือกับพายุ"กุสตาฟ"ที่อาจทวีความรุนแรงเป็นพายุลูกใหญ่ที่สุดที่เข้ากระหน่ำพื้นที่ดังกล่าวในรอบ 3 ปี
บริษัททรานโอเซียน อิงค์ (Transocean Inc., ) ซึ่งเป็นผู้ขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งรายใหญ่ที่สุดในโลกได้เริ่มระงับการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ขณะที่เดสติน สิงเลตัน โฆษกของบริษัทโรยัล ดัชต์ เชลล์ พีแอลซี (Royal Dutch Shell Plc) กล่าวว่า บริษัทกำลังเดินเนินการอพยพพนักงานที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตหรือการขุดเจาะน้ำมันออกจากพื้นที่ดังกล่าวด้วยเช่นกัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งบริเวณอ่าวเม็กซิโกสามารถสูบก๊าซธรรมชาติขึ้นมาได้ประมาณ 14% ของปริมาณก๊าซธรรมชาติทั้งหมดในสหรัฐและยังเป็นแหล่งผลิตน้ำมันได้ 1 ใน 5 ของผลผลิตน้ำมันภายในประเทศ ขณะที่ประมาณ 2 ใน 3 ของน้ำมันที่ใช้สหรัฐในแต่ละวันนั้นได้มาจากการนำเข้า
บาร์บ เฮสเตอร์แมนน์ โฆษกหญิงของสถานีสูบน้ำมัน Louisiana Offshore Oil Port กล่าวว่า สถานีสูบน้ำมันดังกล่าวซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐที่มีกำลังการผลิตน้ำมัน 1.1-1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันนั้นกำลังเดินสายผลิตน้ำมันได้ตามปกติ
เฮสเตอร์แมนน์กล่าวว่า "เรากำลังจับตาความรุนแรงของพายุเฮอริเคน ซึ่งเราคาดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อฐานการผลิตน้ำมันมากที่สุด"
ทั้งนี้ ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า พายุกุสตาฟ ซึ่งเป็นพายุเฮอริเคนความรุนแรงระดับ 1 ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุที่มีความเร็วลม 75 ไมล์ (120 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง จากระดับ 90 ไมล์ต่อชั่วโมงขณะที่เคลื่อนตัวขึ้นไฮติในวันนี้ แต่พายุลูกดังกล่าวอาจทวีความรุนแรงขึ้นและพัดหวนกลับคืนสู่ทะเลในคืนนี้ ก่อนที่จะเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ทางทิศตะวันออกของคิวบาในวันพรุ่งนี้