ศาลรับฟ้องอดีตผู้บริหาร ปรส.และเอกชนทุจริตประมูลสินทรัพย์สถาบันการเงิน

          ศาลอาญา ประทับรับฟ้องคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอมเรศ ศิลาอ่อน อดีตประธานคณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน(ปรส.) กับพวกรวม 6 คน เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น โดยนัดพร้อมคู่ความเพื่อตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 20 ต.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
          ทั้งนี้ คำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค.41 บริษัท เลห์แมน บราเดอรร์ส โฮล์ดิ้ง อิ้งค์ จำเลยที่ 3 ได้ยื่นแบบฟอร์ม พร้อมผู้ประมูลรายอื่นอีก 3 ราย เพื่อประมูลสินทรัพย์ของสถาบันการเงิน 56 แห่งที่ถูกปิดกิจการ โดยเป็นผู้ชนะการประมูลด้วยการเสนอราคาที่ 11,520 ล้านบาท และได้วางหลักประกันเป็นเงินรวม 10 ล้านบาท ซึ่งผู้ชนะการประมูลต้องทำสัญญาซื้อขายกับ ปรส.ภายใน 7 วัน แต่จำเลยที่ 3 กลับไม่ชำระเงินงวดแรกเพียงแต่ได้วางเงินประกันไว้อันเป็นการไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย การประมูลดังกล่าวจึงไม่เกิดสัญญาขึ้น
          ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 3 ไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายกับนายอมเรศ ศิลาอ่อน อดีตประธาน ปรส.จำเลยที่ 1 และนายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ เลขาธิการ ปรส. จำเลยที่ 2 จึงควรยกเลิกการประมูลหรือจัดให้มีการประมูลใหม่และริบเงินประกันจำนวน 10 ล้านบาท แต่จำเลยที่ 1 และ 2 กลับไม่ได้ดำเนินการดังกล่าว
          เมื่อ รมว.คลัง แจ้งข้อมูลว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ ปรส.ไม่โปร่งใส จำเลยที่ 1 และ 2 ก็ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย โดย ปรส.ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายกับกองทุนรวมโกลบอลไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำเลยที่ 5 ในวันที่ 1 ต.ค.41 ซึ่งเป็นกองทุนที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 3 จึงไม่สิทธิเข้าร่วมประมูล
          การกระทำของจำเลยที่ 1-4 จึงเป็นการดำเนินการให้จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นกองทุนที่ได้รับการยกเว้นภาษี โดยจำเลยที่ 3-6 กับพวกที่ยังหลบหนีเป็นผู้ร่วมกันช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 และ 2 การกระทำของจำเลยทั้งหมดก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และ ปรส.เป็นเงินกว่า 2,000 ล้านบาท เพราะหากทำสัญญากับจำเลยที่ 3 จะต้องมีภาระภาษีรวม 2,000 ล้านบาท