นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในวันพรุ่งนี้(15 ก.ย.51) เวลา 16.00 น. จะเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้อง อาทิ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อวางกรอบแนวทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมหลังเกิดอุทกภัยหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคเหนือ และจะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายและจุดสำคัญต่าง ๆ ด้วย
ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด ที่ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่จังหวัดลพบุรี ถือเป็นน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ที่จังหวัดลพบุรี วันนี้ เข้าสู่วันที่ 3 ที่ถูกน้ำท่วมแล้ว แต่สถานการณ์ยังวิกฤติ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อำเภอบ้านหมี่ อำเภอเมือง และอำเภอโคกสำโรง ยังมีน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร และยังมีแนวโน้มขยายวงกว้าง ชาวบ้านหลายหมู่บ้านได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถออกจากบ้านได้
ส่วนทางภาคเหนือ และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนที่มีสภาพน้ำท่วมหนักได้แก่ จ.พิจิตร ,พิษณุโลก , สุโขทัย, ตาก,เลย , กาฬสินธุ์ สระบุรี ปราจีนบุรี อยุธยา
นายจารุพงศ์ พลเดช ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ ว่า จังหวัดได้ประกาศให้ทั้ง 8 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว ราษฎรเดือดร้อนกว่า 23,500 หลังคาเรือน หรือ 80,000 กว่าคน พบผู้เสียชีวิต 2 ราย โดยใน 3 อำเภอยังมีความรุนแรง ได้แก่ อ.โคกสำโรง อ.เมือง และ อ.บ้านหมี่ น้ำท่วมสูง 80 เซนติเมตร ถึง 1.80 เมตร ท่วมขังใน 12 จุด และที่ ต.ถลุงเหล็ก น้ำท่วมสูงระยะทาง 3 - 4 กิโลเมตร รถเล็กผ่านไม่ได้
ด้านนายวันชัยสุทิน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย กล่าวว่า จากปริมาณน้ำฝนที่ตกอย่างหนักที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 13 ก.ย.51 จังหวัดสุโขทัยได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบปัญหาภาวะอุทกภัยทั้งสิ้น5 อำเภอได้แก่ อ.คีรีมาศอ.ศรีสำโรงอ.กงไกรลาศอ.ทุ่งเสลี่ยมและ อ. ศรีสัชนาลัยซึ่งอำเภอที่ประสบปัญหาภาวะอุทกภัยรุนแรงที่สุดได้แก่ อ.คีรีมาศมีไร่นาได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนเป็นบริเวณกว้าง
เบื้องต้นจังหวัดและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ออกมาตรวจเยี่ยมในพื้นที่ประสบปัญหาภาวะอุทกภัยแต่ละอำเภอก่อนเพื่อรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านและได้กล่าวย้ำเตือนกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้ทำการตรวจสอบพื้นที่ความเสียหายอย่างเร่งด่วนที่สุดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรที่เดือดร้อน และได้สั่งให้จัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าตรวจเยี่ยมเยียนคอยดูแลรักษาโรคภัยต่างๆแก่ชาวบ้าน ที่จะเกิดในช่วงฝนตกหนักครั้งนี้
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมของจังหวัดพิจิตร หลังจากเกิดน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาเพชรบูรณ์เข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และนาข้าวในพื้นที่ 3 หมู่บ้านของตำบลเขาทราย อำเภอทับคล้อ และน้ำได้ไหลบ่าไปยังตำบลทับคล้อซึ่งเป็นเขตเทศบาลและย่านชุมชนธุรกิจ ขณะนี้สามารถควบคุมทิศทางน้ำได้แล้ว โดยเร่งระบายสู่คลองสาธารณลงแม่น้ำน่าน
ดร.ปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า สถานการณ์ ณ ขณะนี้ถ้าไม่มีฝนตกลงมาก็ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากสามารถควบคุมทิศทางน้ำไม่ให้เกิดผลกระทบและสร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนราษฎร โดยเฉพาะชุมชนย่านเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามระหว่างนี้ยังอยู่ในช่วงของ 60 วัน อันตรายจากน้ำท่วม ที่ทางจังหวัดได้ประกาศเตือนภัยไว้ ฉะนั้นจึงต้องมีการระมัดระวังและติดตามสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิดต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--