องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า จะมีงานใหม่ๆเกิดขึ้นทั่วโลกภายในช่วง 20-30 ปีข้างหน้า จากการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานทางเลือก
รายงาน 'Green Jobs: Towards Decent Work in a Sustainable, Low-Carbon World' ซึ่งรับผิดชอบและจัดหาทุนดำเนินการโดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ หรือ Unep ระบุว่า ปัจจุบันมีประชากรประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพอยู่แล้วกว่าล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 12 ล้านคนภายในปีพ.ศ. 2573 โดยการผลิต การติดตั้ง และการซ่อมบำรุงแผงโซลาร์ จะทำให้เกิดการสร้างงานใหม่ๆ 6.3 ล้านตำแหน่งภายในอีก 20 กว่าปีข้างหน้า ขณะที่พลังงานลมจะนำไปสู่การจ้างงานมากกว่า 2 ล้านตำแหน่ง รวมไปถึงการขยายตัวของการผลิตและรีไซเคิลยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รายงานระบุด้วยว่า อย่างไรก็ตาม งานด้านสิ่งแวดล้อม หรือ "กรีน จ๊อบ" จะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาน้ำมันและก๊าซ ไปเป็นพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานความร้อนใต้พิภพ
อาคิม สไตเนอร์ ผู้อำนวยการ Unep กล่าวว่า หากทุกประเทศทั่วโลกไม่เปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจ low-carbon ก็เท่ากับว่าเป็นการสูญเสียโอกาสครั้งสำคัญที่จะทำให้เกิดงานใหม่ๆหลายล้านตำแหน่ง
บีบีซีเผยว่า รายงานของ Unep เขียนขึ้นก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลกในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในช่วงปลายปีหน้า ผู้แทนจากทั่วโลกจะประชุมร่วมกันที่โคเปนเฮเกน เพื่อพยายามบรรลุข้อตกลงเรื่องการควบคุมการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่จะมาแทนพิธีสารเกียวโตที่กำลังจะหมดอายุลง ซึ่งนายสไตเนอร์กล่าวว่า "กรีน จ๊อบ" จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการบรรลุข้อตกลงดังกล่าวของที่ประชุม
เขากล่าวว่า ประชากรโลกกำลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 8 หรือ 9 พันล้านคนภายในปี 2593 และทรัพยากร อาทิ โลหะ น้ำมัน และก๊าซ จะมีราคาแพงมากขึ้น ถ้ารออีก 10 ปีจึงค่อยเริ่มดำเนินการแก้ปัญหาก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง ต้นทุนสำหรับการเปลี่ยนไปสู่เศรษฐกิจสีเขียวจะยิ่งสูงขึ้นกว่านี้มาก
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--