นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงยืนยันว่า ไทยจะไม่เป็นฝ่ายเข้าไปบุกรุกหรือรุกรานชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน แต่จะอยู่ในที่ตั้งอยู่ภายในเขตพื้นที่ประเทศเพื่อรักษาดินแดนของตัวเอง ส่วนปัญหากระทบกระทั่งตามแนวชายแดนจะยึดหลักการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งด้วยสันติวิธี โดยจะไม่เป็นฝ่ายเปิดฉากใช้กำลังหรืออาวุธก่อนโดยเด็ดขาด
"เราจะไม่เป็นผู้บุกรุกหรือรุกรานชายแดนเพื่อนบ้าน เราจะอยู่ในที่ตั้งเฝ้าระวังชายแดนของเราอย่างเดียว ซึ่งจะใช้วิธีการเจรจาโดยสันติวิธี ไม่ใช้กำลัง ทุกวันที่อยู่ก็อยู่ในดินแดนของเราอยู่แล้ว" นายสมชาย กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับผู้นำเหล่าทัพ
เมื่อวาน(13 ต.ค.) และวันนี้ สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ออกมาให้สัมภาษณ์แสดงความไม่พอใจที่มีทหารของไทย 84 นายลาดตระเวนในพื้นที่ใกล้ปราสาทพระวิหาร โดยกล่าวหาว่าเป็นการบุกรุกเข้าไปในดินแดนของกัมพูชา พร้อมทั้งขีดเส้นตายให้ไทยถอนทหารจำนวนดังกล่าวออกมาก่อนเวลา 12.00 น.วันนี้ ไม่เช่นนั้นก็พร้อมที่จะเปิดฉากทำสงครามกับไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่ 15 ต.ค.จะมีการประชุมฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของไทยและกัมพูชา และวันที่ 21 ต.ค.จะมีการประชุมสมัยพิเศษของคณะกรรมการฯ
อย่างไรก็ตาม นายสมชาย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุความขัดแย้งก็ยังไม่ได้ติดต่อพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาเลย แต่ยังเชื่อมั่นในสัมพันธไมตรีที่มีต่อกันในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้าน และหากมีการปะทะเกิดขึ้นจะไม่ใช่การเริ่มต้นจากฝ่ายไทยแน่นอน เพราะฝ่ายไทยยังยึดถือแนวทางสันติวิธีเป็นหลัก
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สถานการณ์ชความตึงเครียดตามแนวชายแดนในขณะนี้ยังไม่รุนแรงถึงขั้นต้องอพยพคนไทยที่เข้าไปทำงานในประเทศกัมพูชาออกมา แต่กองทัพอากาศก็มีความพร้อมที่จะอพยพคนไทยตลอดเวลา