พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์เย็นวันนี้ว่า ทางฝ่ายไทยยังพยายามติดต่อกับผู้บัญชาการกองกำลังทหารกัมพูชาในพื้นที่เพื่อใช้แนวทางการเจรจา หลังจากฝ่ายกัมพูชาได้ขอเลื่อนกำหนดการเจรจาในพื้นที่ที่กำหนดมีขึ้นในวันนี้ และการเจรจาระดับคณะกรรมการชายแดนในวันที่ 21 ต.ค.ก็ยังไม่ได้รับการยืนยันจากฝ่ายกัมพูชาว่าจะตอบรับเข้าร่วมพูดคุยกันหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายทหารไทยประเมินว่าแนวโน้มสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทยและกัมพูชาจะไม่รุนแรงไปกว่านี้ หลังจากเกิดเหตุยิงปะทะกันของทั้งสองฝ่ายที่มีขึ้นในช่วงบ่าย เนื่องจากขณะนี้ทั้งสองฝ่ายได้หยุดยิงไปแล้วหลังจะปะทะกันเป็นเวลา 40 นาที เริ่มเมื่อ 14.30 น.และจบเมื่อ 15.10 น.บริเวณชายแดน 2 จุดที่ภูมะเขือและผามออีแดง ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 5 นาย ส่วนฝ่ายกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 3-4 นาย
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้กำชับให้ทหารไทยตอบโต้ด้วยความระมัดระวัง โดยยึดหลักว่าทหารไทยต้องไม่เป็นฝ่ายเสียเปรียบ และต้องพิจารณาขนาดอาวุธที่ใช้ตอบโต้อย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เป็นการใช้ความรุนแรงเกินความจำเป็น ป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งขยายวงกว้างไปตลอดแนวชายแดน เพราะจะทำให้การเจรจาทำได้ยากลำบากขึ้น
"กองทัพออกข่าวล่วงหน้าว่าพื้นที่สุ่มเสี่ยงให้ประชาชนอพยพออกมาแล้ว ในพื้นที่มีการปรับกำลังเสริมกำลังตามปกติ ก็ต้องเจจากันต่อไป เพราะกองทัพยืนยันมาโดยตลอดว่าการเจรจาน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่เมื่อทหารไทยถูกกระทำก่อนก็ต้องตอบโต้ไปตามสถานการณ์"พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาค 2 กล่าวว่า ฝ่ายไทยยังหวังว่าพรุ่งนี้จะมีการเจรจากับทางกองกำลังกัมพูชา แต่ยังไม่มีการระบุสถานที่แน่ชัด และยังไม่มีการตอบรับมาจากทางกัมพูชา ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์เชื่อว่าหากทั้งสองฝ่ายไม่มีการเจรจาก็จะยังมีการปะทะกันเช่นนี้ และปัญหาก็ไม่จบสิ้น ซึ่งทางกัมพูชาต้องควบคุมกำลังทหารไม่ให้ก่อเหตุดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวถึงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าทหารไทยเป็นฝ่ายยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาก่อน และจากนั้นทหารกัมพูชาโบกมือยอมแพ้แล้ว แต่ก็มีการยิงเข้าไปว่า ขอยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดนั้นมาจากทหารกัมพูชา ยิงเข้ามาก่อนและไม่มีการยกมือยอมแพ้ มีแต่การยิงปะทะกันในทันที