นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จะยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)กล่าวโทษคณะทำงานสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.)ว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อจำเลย กรณีสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา 4 รายในคดีการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บมจ. เอสซี แอสเสท คอปอร์เรชั่น (SC) ได้แก่ บริษัท เอสซี แอสเสท ในฐานะนิติบุคคล นางบุษบา ดามาพงศ์ กรรมการบริษัท คุณหญิงพจมาน ชินวัตรและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท
"สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นดังสำนักงานทนายความของแผ่นดิน แทนที่จะเอาผิดอย่างตรงไปตรงมากับผู้ต้องหา กลับกระทำการและตีความวินิจฉัยให้เป็นคุณต่อผู้ต้องหาอย่างมิชอบ" นายกรณ์ กล่าว
นอกจากนั้นนายกรณ์ ยังเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ดำเนินคดีกับนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรรมการผู้อำนวยการ SC ซึ่งเป็นน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ชี้แจงต่อสำนักงาน ก.ล.ต.ว่า บริษัทวินมาร์ค ลิมิเต็ด และกองทุนลับ 2 กองทุนในมาเลเซียคือ Overseas Growth Fund Inc. (OGF) และ Offshore Dynamic Fund Inc. (ODF)ซึ่งถื่อหุ้น SC ประมาณร้อยละ 20 ซึ่งมิใช่ของครอบครัวชินวัตร หลังจากที่สำนักงาน ก.ล.ต.สอบถามในเรื่องนี้ ทั้งที่แท้จริง พ.ต.ท. ทักษิณ และคุณหญิง พจมาน ชินวัตร เป็นเจ้าของที่แท้จริงของกองทุนส่วนลับ 2 กองทุนในมาเลเซีย
โดยให้พิจารณาปรับ นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ได้แจ้งเท็จต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และนักลงทุน ตามกฎหมายต่อไป โดยจงใจปกปิดข้อมูลดังกล่าว เพราะข้อมูลดังกล่าวเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ราคาหุ้นตกต่ำลง เนื่องจากจะสร้างความไม่แน่นอนต่อการรักษาอำนาจของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ทั้งนี้ ก.ล.ต. ไม่ควรจะต้องรอ พ.ต.ท. ทักษิณ และ คุณหญิง พจมาน ชินวัตร เพราะผู้กระทำผิดคือ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
รวมทั้งกล่าวโทษ พ.ต.ท. ทักษิณ และ คุณหญิง พจมาน ชินวัตร ผู้อยู่เบื้องหลัง วินมาร์ค, VIF (หรือ VAF), OGF และ ODF ซึ่งขายหุ้นไปก่อน โดยตนมี “ข้อมูลภายใน" เรื่องปัญหาการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น สอดคล้องกับจังหวะที่นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แจ้งเท็จต่อสำนักงาน กลต. และนักลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ