สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนถึงความพยายามของรัฐบาลในการสร้างสมานฉันท์ของคนในชาติ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 48.3% รู้สึกว่ารัฐบาลยังมีความพยายามน้อยถึงไม่มีเลยในการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ
ขณะที่ท่าทีสนับสนุนของประชาชนต่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มไม่สนับสนุนพันธมิตรฯ ลดลงจาก 47.7% และ 42.9% ในการสำรวจช่วงหลังเกิดเหตุการณ์ 7 ต.ค.51 มาอยู่ที่ 26.3% และ 29.6% ในการสำรวจครั้งล่าสุด แต่กลุ่มประชาชนส่วนมากกลับไปอยู่จุดยืนทางการเมืองจุดเดิมคือ ขออยู่ตรงกลาง 44.1% ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี
"เป็นสัญญาณเตือนรัฐบาลว่าต้องระวัง ไม่เป็นผู้สร้างเงื่อนไขทางการเมืองเพื่อหวังผลอะไรบางอย่างโดยไม่คำนึงถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์และชีวิตของประชาชน เพราะที่ผ่านมาเงื่อนไขทางการเมืองมักจะทำให้เกิดการเผชิญหน้า และการใช้ความรุนแรงของประชาชนสองฝักสองฝ่ายในสัดส่วนพอๆ กัน และจะเกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ" นายนพดล กรรณิกา ผ.อ.สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ระบุ
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาทางการเมืองที่ดีที่สุดในขณะนี้ 3 อันดับแรก คือ 46.6% ต้องใช้แนวทางของความรักความสามัคคีและเกื้อกูลกันของคนในส่วน รองลงมา 37.8% ให้ยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรม และ 15.6% เป็นข้อเสนออื่นๆ เช่น การยุบสภา, เลือกตั้งใหม่, ยุติการชุมนุม และตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เป็นต้น
ผลสำรวจดังกล่าวมาจากประชาชนผู้ที่ติดตามข่าวการเมืองทางอินเตอร์เน็ต และประชาชนที่ไม่ใช้อินเตอร์เน็ต ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 2,487 คน ตั้งแต่วันที่ 1-6 พ.ย.51