กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนชาวไนจีเรียซึ่งใช้ชื่อว่า 'ขบวนการปลดปล่อยสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ (MEND)' ยืนยันว่าจะปล่อยตัวประกันที่ลักพาตัวไปจากบริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำไนเจอร์เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นชาวยูเครน 1 คน และชาวไนจีเรียอีก 3 คน อย่างไรก็ตาม ผู้นำกลุ่ม MEND ยืนยันจะไม่ปล่อยตัวประกันชาวอังกฤษ
เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มกบฏ MEND ได้เก่อเหตุลักพาชาวต่างชาติไปจากแหล่งน้ำมันที่สำคัญของไนจีเรีย และยืนยันยันว่าจะปล่อยตัวชาวยูเครน 1 คนและชาวไนจีเรีย 3 คนภายใน 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ข้อความในอีเมล์ของกลุ่มกบฏระบุว่าจะยังไม่ยอมปล่อยตัวชาวอังกฤษ 2 คนจนกว่ารัฐบาลอังกฤษจะยอมยกเลิกการสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และให้ความช่วยเหลือในการฝึกทางทหารแก่กองกำลังทหารของกองทัพไนจีเรีย
ที่ผ่านมานั้น เหตุก่อการร้ายในไนจีเรียส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น และเคยทำให้บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่หลายแห่งต้องประกาศ ภาวะสุดวิสัย (force majeure)" เนื่องจากไม่สามารถส่งมอบน้ำมันให้กับลูกค้าได้ตามกำหนด โดยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทรอยัล ดัทช์ เชลล์ ยืนยันว่า กลุ่มกบฏแย่งแยกดินแดนได้เข้าโจมตีท่อส่งน้ำมันของเชลล์ในพื้นที่สามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ ส่งผลให้น้ำมันรั่วไหลและทำให้ต้องระงับการผลิตเพื่อซ่อมแซมรอยรั่ว จนทำให้บริษัทต้องประกาศภาวะสุดวิสัย
ภาวะสุดวิสัยเป็นส่วนหนึ่งที่ระบุในสัญญาซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอิสระจากข้อบังคับทางกฎหมาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ ข้อพิพาทด้านแรงงาน การก่อการร้าย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ
คริสโตเฟอร์ เมนนิส นักวิเคราะห์จากบริษัทเวฟ เอนเนอร์จี ในรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า ไนจีเรียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบคุณภาพสูง แต่เนื่องจากเหตุก่อการร้ายภายในประเทศทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันของไนจีเรียลดลงเหลือ 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
"กลุ่มคนร้ายที่เรียกตัวเองว่า ขบวนการ (MEND) ได้เข้าโจมตีและทำลายท่อส่งน้ำมันหลักๆในบริเวณสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำไนเจอร์หลายครั้ง ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อการผลิตน้ำมันของไนจีเรีย" เมนนิสกล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน