โฆษกกองทัพบก เผย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยควบคู่กับสอบสวนคดีอาญา พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ในวันที่ 14 พ.ย.นี้ โดยยืนยันไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งหรือสนองความต้องการของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
"ในวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายนนี้จะเชิญ พล.ต.ขัตติยะ มาสอบสวนทางวินัย หลังจากเคยเรียกมาตักเตือนครั้งหนึ่งแล้ว ส่วนการสอบสวนทางอาญานั้นเป็นหน้าที่ของฝ่ายกำลังพลที่จะขออนุมัติตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของกรมสารวัตรทหารบก ...ไม่ได้กลั่นแกล้งหรือรังแก และไม่ได้ตอบสนองความต้องการของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าว
ส่วนสาเหตุที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนคดีอาญานั้น โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ว่าจุดไหนเข้าข่ายคดีทางอาญาจึงต้องตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาสอบสวนว่ามีความผิดตรงส่วนใด แต่การที่ พล.ต.ขัตติยะ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะมีเหตุระเบิดรายวันในสถานที่ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้นสร้างผลกระทบต่อสังคมโดยรวม และภาพลักษณ์ของกองทัพบก เช่น ผู้ฟังอาจรู้สึกว่ากองทัพปล่อยปละละเลยให้นายทหารออกมาให้สัมภาษณ์ และประชาชนอาจกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตในการดำเนินกิจกรรม
โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ กล่าวพาดพิง ผบ.ทบ.ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ถูกสอบสวนทางวินัย เพราะนายทหารต้องให้ความสำคัญและรับฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แต่ไม่ได้เป็นเพราะ ผบ.ทบ.หมดความอดทน แต่เป็นการปฏิบัติตามทำนองครองธรรม และการที่ไม่มีนายทหารออกมาปกป้อง ผบ.ทบ.นั้นเป็นเพราะเรื่องดังกล่าวจะให้ความเห็นไปเรื่อยๆ ไม่ได้ นายทหารย่อมต้องฟังผู้บังคับบัญชา และยืนยันว่ากองทัพยังควบคุมบุคลากรของกองทัพได้ทุกระดับ
โฆษกกองทัพบก ยังกล่าวถึงเสียงเรียกร้องให้กองทัพออกมาแก้สถานการณ์การเมืองว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง เพราะวิธีการแก้ปัญหาการเมืองด้วยวิธีการทางทหารไม่ได้รับการยอมรับและแก้ปัญหาไม่ได้ และที่สำคัญสังคมปัจจุบันไม่ต้องการให้ใช้ความรุนแรง ดังนั้นทหารต้องประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นระหว่างสองฝ่ายที่มีความเห็นขัดแย้งกัน