สหประชาชาติ (ยูเอ็น) รายงานว่า ปริมาณก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่าความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประสบความล้มเหลว เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศที่ปล่อยก๊าซมากที่สุดในโลก
โดยองค์กรอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติรายงานว่า ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกตัวหลักที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ มีการขยายตัว 0.5% ในปี 2550 เมื่อเทียบกับปี 2549
ทั้งนี้ ตัวแทนจาก 190 ประเทศจะประชุมร่วมกันที่เมืองปอซนาน ประเทศโปแลนด์ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. เพื่อร่างสนธิสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับใหม่ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ เนื่องจากสนธิสัญญาเกียวโตที่ใช้อยู่ในปัจจุบันและจะหมดอายุในปี 2555 ไม่สามารถทำให้การปล่อยก๊าซลดลงได้ เพราะสหรัฐปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาต่างเร่งขยายอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจในประเทศของตน
"การปล่อยก๊าซเรือนกระจกในสหรัฐยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไม่มีการควบคุมการใช้รถและการผลิตถ่านหิน" สตีเฟน ชไนเดอร์ สมาชิกคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ กล่าว "อย่างไรก็ตาม สาเหตุหลักที่ทำให้ก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้นคือประเทศจีนและอินเดียที่กำลังมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน