นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรักษาการมีมติยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในพื้นที่สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ยุติการชุมนุมและคืนพื้นที่ทั้งสองแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวอีกต่อไป
สำหรับการคืนพื้นที่ชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลหลังจากกลุ่มพันธมิตรฯ ยึดไว้นานกว่า 3 เดือน คณะกรรมการสำรวจทรัพย์สินส่วนราชการในทำเนียบรัฐบาลที่มีนายรอยเลื่อน บุนนาค ปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รายงานว่า
ด้านภูมิทัศน์ อาคาร และสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เกิดความเสียหายเป็นมูลค่า 25 ล้านบาท , สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี มีรถยนต์หายไป 3 คัน , สภาความมั่นคงแห่งชาติ ระบุว่ารถยนต์กว่า 10 คันที่จอดไว้ถูกโขมยยางอะไหล่ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ถูกโขมยไปขายในราคาถูกที่ตลาดนัดหน้ากระทรวงศึกษาธิการและคลองถม และ หน่วยรักษาความปลอดภัย แจ้งว่าอาวุธปืน ทั้งอาวุธหนักและอาวุธเบา และเครื่องกระสุน สูญหายไปจำนวนหนึ่ง
นอกจากนั้น ยังมีค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคช่วงที่กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปใช้สถานที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นค่าน้ำประปา 8.8 แสนบาท แต่การประปานครหลวง(กปน.)ได้เรียกเก็บจากแกนนำพันธมิตรฯ มาแล้วครึ่งหนึ่ง และยังค้างจ่ายอีก 4.5 แสนบาท , ค่าไฟฟ้า พบว่ามี่ยอดใช้ราว 2.27 ล้านบาท ซึ่งการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)ยังไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ ทั้งสองหน่วยงานก็จะดำเนินการเรียกเก็บเงินต่อไป
จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่ยังตรวจพบอาวุธผิดกฎหมายกว่า 20 รายการ ได้แก่ ระเบิดขวด ระเบิดปิงปอง ระเบิดผลิตเอง 110 อัน ระเบิดเพลิง ประทัดยักษ์ และพลุไฟ 280 อัน อุปกรณ์ประกอบระเบิด 55 ชิ้น ปุ๋ยยูเรีย 10 ถุง และกระสุนปืน 105 นัด น้ำกรด 75 ขวด รวมถึงอุปกรณ์ที่สามารถใช้เป็นอาวุธอีกมาก และยาเสพติดให้โทษทั้งเครื่องดื่ม 4x100 และ ใบกระท่อม
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ที่ประชุมมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและได้รับความเสียหายไปดำเนินคดีทางแพ่งและอาญากับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยขอให้หารือกับอัยการสูงสุดและพนักงานสอบสวน รวมถึงต้องให้มีพยานหลักฐานชัดเจนกว่ามีทรัพย์สินเสียหายอย่างไรบ้าง เพื่อป้องกันข้อโต้แย้งของกลุ่มพันธมิตรฯ
ขณะที่นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รมช.สาธารณสุข เสนอให้มีการประเมินผลการปฏิบัติจากการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพราะมองว่าช่วงที่ผ่านมามีการประกาศใช้มาแล้ว 2 ครั้ง แต่ไม่มีผลรูปธรรมในทางปฏิบัติชัดเจน จึงน่าจะมีการประเมินผลเก็บไว้เป็นข้อมูล เพื่อใช้เป็นกรณีศึกษาในการดูแลสถานการณ์บ้านเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อย