In Focus4 บุคคลเด่นแห่งปีผู้ส่องประกายบนเวทีโลก

ข่าวต่างประเทศ Thursday December 25, 2008 14:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ในปี พ.ศ. 2551 มีบุคคลมากมายที่ขึ้นมามีบทบาทโดดเด่นในเวทีโลก และเพื่อเป็นการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ In Focus ขอนำเสนอเรื่องราวของ 4 บุคคลเด่นของโลก ผู้เป็นตัวแทนจากวงการการเมือง สตรี กีฬา และบันเทิง ดังต่อไปนี้

บารัค โอบามา ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐ

วินาทีนี้คงไม่มีใครโดดเด่นเกินบุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์อย่าง “บารัค โอบามา" ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 44 ซึ่งสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐ และเป็นประธานาธิบดีที่หนุ่มที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ

หากย้อนกลับไปก่อนที่ศึกหาเสียงเลือกตั้งขั้นต้นจะเปิดฉากขึ้นเมื่อ 17 เดือนก่อน คงไม่มีใครคาดคิดว่าโอบามาจะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ เมื่อผลสำรวจทั่วประเทศชี้ว่าเขาเป็นรองคู่แข่งคนสำคัญอย่าง ฮิลลารี คลินตัน ที่สั่งสมบารมีและประสบการณ์ทางการเมืองมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่เธอเป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อเขาเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งขั้นต้นสนามแรกในรัฐไอโอวาเมื่อวันที่ 3 ม.ค. ในขณะที่นางคลินตันตกลงไปอยู่ที่อันดับ 3 แบบพลิกความคาดหมาย จากนั้นเขาก็ขยับฐานะตนเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเก็งได้ด้วยยุทธวิธีการระดมทุนหาเสียงที่ได้ผลอย่างทรงพลัง โดยโอบามาสามารถระดมทุนได้มากที่สุดถึง 55 ล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.เพียงเดือนเดียว และระดมทุนได้ทั้งหมดมากถึง 234 ล้านดอลลาร์

แม้นักการเมืองวัย 47 ปีคนนี้จะสั่งสมประสบการณ์ในตำแหน่งวุฒิสมาชิกมาได้เพียง 3 ปี แต่เขาก็สามารถเข้าถึงจิตใจของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน รวมถึงคนหนุ่มสาว และผู้รักอิสระได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังสามารถแย่งคะแนนเสียงจากกลุ่มผู้หญิงที่เคยเป็นฐานเสียงของนางฮิลลารีมาได้ในระหว่างการเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ

การทุ่มเทหาเสียงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยส่งผลให้โอบามามีคะแนนเดลิเกทเกิน 2,118 เสียง ซึ่งเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำที่ผู้จะได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตต้องทำให้ได้ และเป็นตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการในการลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐ และในการลงสู้ศึกระดับชาติกับคู่แข่งจากพรรครีพับลีกันอย่าง จอห์น แมคเคน นักการเมืองหนุ่มผู้นี้ก็สามารถเชานะไปได้แบบขาดลอย

ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ส่งผลให้เขาได้รับการจัดอันดับให้เป็นนักการเมืองที่ถูกค้นชื่อในเว็บไซต์ “ยาฮู!" มากที่สุดประจำปีนี้ ในขณะที่สำนักข่าวเอพี ระบุให้ข่าวการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของ บารัค โอบามา เป็นข่าวเด็ดแห่งปี 2551

ด้านนิตยสารไทม์ยกย่องให้โอบามาครองตำแหน่งบุคคลแห่งปีอันดับ 1 จากการประกาศเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า “ไม่ใช่เรื่องแปลกที่โอบามาจะได้ขึ้นปกนิตยสารของเรา เขาก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักในแวดวงสาธารณะอย่างสมบูรณ์ ทั้งที่เมื่อสองปีก่อนคนอเมริกันราวครึ่งประเทศยังไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน เขาชนะการเลือกตั้งครั้งดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ แม้ว่าจะขาดประสบการณ์ แถมยังต้องสู้กับคู่แข่งสำคัญถึงสองคน ทั้งยังได้รับแรงกดดันจากการกีดกันคนผิวสีด้วย"

บารัค โอบามา เป็นบุคคลที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ประเทศตกอยู่ในความมืดมน และแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่จะทำให้ชาวอเมริกันหลุดพ้นจากช่วงเวลาดังกล่าวได้อย่างแท้จริง

ซาราห์ เพลิน อดีตนางงามที่โลกการเมืองลืมไม่ลง

“ซาราห์ เพลิน" อดีตนางงามท้องถิ่นวัย 44 ปี เป็นนักการเมืองโนเนมที่ไม่เคยเป็นที่รู้จักในเวทีการเมืองระดับชาติ เธอเพิ่งขึ้นมาเป็นผู้ว่าการรัฐอลาสกาเพียงสมัยแรกและทำงานมาได้เพียง 2 ปี แต่เพียงชั่วข้ามคืน ชื่อของเธอก็โด่งดังไปไกลถึงระดับโลก เมื่อจอห์น แมคเคน ตัวแทนจากพรรครีพับลีกัน ประกาศเลือกเธอเป็นคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐแบบเหนือความคาดหมาย ด้วยการเอาชนะ มิตต์ รอมนีย์, รูดี้ จูลีอานี และ ไมค์ ฮัคคาบี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักและนับหน้าถือตาในหมู่ประชาชนมากกว่าเธออยู่หลายขุม

การที่คุณแม่ลูกห้าต้องต่อกรกับ โจ ไบเดน คู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของ บารัค โอบามา จากพรรคเดโมแครตซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองอย่างโชกโชน ก็ถือเป็นภาระที่หนักอึ้งอยู่แล้ว แต่เธอยังถูกซ้ำด้วยพายุข่าวลือที่โหมกระหน่ำ ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือเกี่ยวกับคดีหย่าของเพื่อนของเธอ ซึ่งนักข่าวกล่าวหาว่าเธอเป็นมือที่ 3 ที่ทำให้เพื่อนเตียงหัก หรือแม้แต่ข่าวที่เลวร้ายสุดขีดอย่างข่าวลือที่ว่า ลูกชายคนสุดท้องวัย 4 เดือนซึ่งเป็นโรคดาวน์ซินโดรม แท้จริงไม่ใช่ลูกของเธอ แต่เป็นลูกของลูกสาวใจแตกวัย 17 ปีของเธอที่ท้องก่อนแต่ง ซ้ำร้ายกว่านั้นเธอยังถูกเว็บไซต์ "โพลิทิโก" ออกมาแฉว่า พรรครีพับลิกันต้องจ่ายเงินกว่า 150,000 ดอลลาร์ หรือราว 5.1 ล้านบาท เป็นค่าเสื้อผ้า แต่งหน้า และทำผมให้กับเธอ นับตั้งแต่แมคเคนเลือกเธอมาเป็นคู่หูของเขา

เพลินยังถูกสื่อโจมตีอย่างหนักเรื่องที่เธอขาดประสบการณ์ทางการเมือง โดยเธอไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศนอกจากอเมริกาเหนือ และไม่เคยรับแขกผู้นำต่างชาติเลยแม้แต่คนเดียว นอกจากนั้นเธอยังอ่อนด้อยเรื่องการแก้วิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อถูกตั้งคำถามในประเด็นดังกล่าว เธอมักตอบไม่ตรงคำถามจนถูกสื่อนำไปล้อเลียน

อย่างไรก็ตาม ในการโต้คารมระหว่าง ซาราห์ เพลิน กับ โจ ไบเดน เธอดูมีความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม เธอมีสติและตอบคำถามได้ดีไม่แพ้คุณปู่ผู้โชกโชนในสนามการเมือง ซึ่งถือเป็นการลบคำสบประมาทที่หลายคนตราหน้าว่าเธอคงปล่อยไก่อะไรบางอย่างในการดีเบตใหญ่ครั้งนั้น

หลังจากวันนั้น หลักฐานมากมายตอกย้ำให้เห็นว่าเธอกลายเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของโลกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการที่เว็บไซต์ “กูเกิล" เผยแพร่รายชื่อที่ถูกค้นหามากที่สุดในโลกประจำปี 2551 ปรากฏว่า ซาราห์ เพลิน มาเป็นอันดับ 1 ในขณะที่ บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ รั้งอันดับที่ 5 เท่านั้น ส่วนในเว็บไซต์ “ยาฮู!" ชื่อของเธอยังเป็นชื่อนักการเมืองที่ถูกค้นหามากที่สุดเป็นอันดับ 2 ด้วย

เหนือสิ่งอื่นใด ซาราห์ เพลิน ได้รับเลือกให้ติดอันดับ 3 ของบุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์ ซึ่งกล่าวว่า “เธอเป็นม้ามืดที่ก้าวขึ้นมาเป็นคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน และเป็นผู้ที่เข้าสู่เวทีการเมืองได้อย่างน่าประหลาดใจที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสมัยใหม่ เธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงและเป็นอนาคตอันสดใสของพรรครีพับลิกัน"

แม้จะปราชัยในสนามการเมือง แต่ชื่อของเธอจะเป็นที่จดจำของคนทั้งโลกอย่างแน่นอน

ฉลามหนุ่มผู้สร้างตำนานบทใหม่ในโอลิมปิก

ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 หรือ ปักกิ่งเกมส์ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คงไม่มีนักกีฬาคนใดที่โดดเด่นเกิน “ ไมเคิล เฟลป์ส" ฉลามหนุ่มวัยเพียง 23 ปี ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยคว้าเหรียญทองให้กับทีมชาติสหรัฐอเมริกาถึง 8 เหรียญ พร้อมทำลายสถิติโลกถึง 7 รายการ และทำลายสถิติโอลิมปิกอีก 1 รายการ และเมื่อรวมกับเหรียญทองอีก 6 เหรียญซึ่งเขาทำได้ในการแข่งขันโอลิมปิก ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เขาก็ขึ้นแท่นเป็นนักกีฬาประวัติศาสตร์ที่คว้าเหรียญทองในโอลิมปิกได้มากที่สุดในโลกถึง 14 เหรียญทอง

ผลพวงจากการแข่งขันปักกิ่งเกมส์ทำให้ ไมเคิล เฟลป์ส กลายเป็นฮีโร่ของประเทศและเป็นคนดังระดับโลก เขากลายเป็นนักว่ายน้ำคนแรกที่ได้รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมแห่งปี จาก "สปอร์ต อิลลัสเทรทด์" นิตยสารกีฬายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ Askmen.com เว็บไลฟ์สไตล์ชายชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ก็ยกย่องให้เขาเป็น "บุรุษทรงอิทธิพล" อันดับ 3 ประจำปี 2008 ในฐานะผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของผู้ชายด้วยกันมากที่สุดในโลก

ความโด่งดังของเขายังลุกลามไปถึงวงการบันเทิง โดยเขาได้รับเชิญให้ไปออกรายการดังอย่าง “Saturday Night Life" และได้เป็นดารารับเชิญของละครดังอย่าง “Grey’s Anatomy" นอกจากนั้นยังได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าหลายตัว อาทิ แมคโดนัลด์ บัตรเครดิตวีซ่า รวมทั้งมีภาพของเขาปรากฏอยู่บนกล่องธัญพืชอบกรอบยี่ห้อ "ฟรอสเต็ด เฟลคส์" และ "คอร์น เฟลคส์" ด้วย

ย้อนกลับไปในอดีต ไมเคิล เฟลป์ส เกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่สนับสนุนให้ลูกเล่นกีฬาอย่างเต็มที่ ซึ่งพี่สาวสองคนของเขาก็เคยเป็นนักว่ายน้ำมาก่อนและเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องคนเล็กอย่างเขาเดินตาม เขาเริ่มว่ายน้ำตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และทำลายสถิติระดับประเทศได้ตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบ หลังจากนั้นเขาก็ฉายแววความเป็น “ฉลาม" มาตลอดจนประสบความสำเร็จอย่างในปัจจุบัน

ดูผิวเผินเหมือนโชคชะตาจะดลบันดาลให้ชีวิตของเขาเกิดมาเพื่อประสบความสำเร็จ แต่แท้ที่จริงแล้ว เขาได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่ยังเล็กว่าเป็นโรคสมาธิสั้น ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถอยู่นิ่งๆ ทำอะไรนานๆ หรือทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้ หรือพูดง่ายๆ ว่าเขามีความสามารถและศักยภาพในการใช้ชีวิตประจำวันน้อยกว่าคนปกติมาก

แต่เขาก็สามารถเอาชนะความบกพร่องและผงาดบนเวทีระดับโลกได้อย่างงดงาม ไม่ใช่เพราะโชคชะตา แต่เพราะความพยายามและความทุ่มเทของเขานั่นเอง

มังกรผู้ทำให้จีนผงาดบนแผนที่โลก

คงจะไม่ผิดนักที่จะกล่าวว่า สิ่งที่ติดตราตรึงใจผู้ชมมหกรรมกีฬาแห่งมนุษยชาติ หรือ โอลิมปิก 2008 มิใช่ความตื่นเต้นหรือความสนุกสนานจากการแข่งขันกีฬา แต่เป็นพิธีเปิดการแข่งขันที่สุดแสนงดงามอลังการและมีกลิ่นอายความเป็นจีนอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของผู้กำกับเอเชียชื่อก้องโลกอย่าง “จาง อี้โหมว"

ก่อนที่ผู้กำกับวัย 57 ปีคนนี้จะถูกทาบทามตัว ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกต้องการให้ สตีเว่น สปีลเบิร์ก มาเป็นที่ปรึกษาฝ่ายศิลป์และควบคุมพิธีเปิดครั้งนี้ แต่สปีลเบิร์กขอถอนตัวเพราะไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจีนไม่ยอมใช้อิทธิพลกดดันให้รัฐบาลซูดานยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการเข่นฆ่าประชาชนในเขตดาร์ฟู ประเทศซูดาน

หลายคนใจหายที่พ่อมดแห่งฮอลลีวู้ดปฏิเสธที่จะรับงานสำคัญดังกล่าว แต่เมื่อเห็นผลงานของจางอี้โหมว ชาวจีนทุกคนคงรู้สึกไม่ต่างกัน นั่นคือดีใจและโล่งใจที่ผู้กำกับชาวอเมริกันไม่มีส่วนร่วมกับพิธีเปิดครั้งนี้ ทำให้ความสำเร็จทั้งหมดตกเป็นผลงานของชาวจีนอย่างเต็มภาคภูมิ

จางอี้โหมวและทีมงานนับแสนใช้เวลาเตรียมงาน ศึกษางาน และฝึกซ้อมการแสดงนานถึง 13 เดือนเต็ม และใช้งบประมาณไปไม่น้อยกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3,200 ล้านบาทในพิธีเปิด เพื่อแสดงความเป็นจีนสู่สายตาประชาคมโลก อารยธรรมจีนถูกนำเสนอผ่านรูปแบบของม้วนกระดาษจีนโบราณ ลายพู่กันจีน อุปรากรจีน การเต้นรำแบบจีน เครื่องแต่งกายประจำชาติของจีน เพลงจีน ฯลฯ รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ที่จีนคิดค้นขึ้นเป็นชาติแรกของโลก อาทิ ดินปืน เข็มทิศ กระดาษ และ ว่าว เป็นต้น

ไฮไลท์สำคัญที่ทำให้ผู้ชมหลายพันล้านคนทั่วโลกต้องกลั้นหายใจคือช่วงที่ “หลี่ หนิง" นักยิมนาสติกระดับตำนานของจีน ต้องจุดคบเพลิงเพื่อเปิดการแข่งขัน เขาถูกสลิงดึงขึ้นจากพื้นและลอยตัวด้วยท่าวิ่งบนจอขนาดยักษ์ที่ติดตั้งไว้รอบชายคาอัฒจรรย์สนามกีฬารังนก ก่อนที่จะไปหยุดอยู่หน้ากระถางคบเพลิงขนาดยักษ์บนชายคาอัฒจรรย์ แล้วจุดคบเพลิงเริ่มต้นการแข่งขันกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติครั้งที่ 29 อย่างสุดแสนอลังการและไม่เคยมีใครทำมาก่อน

ความสำเร็จของจางอี้โหมวส่งผลให้เขาเป็นชาวเอเชียเพียงคนเดียวที่ติด 1 ใน 5 อันดับบุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์ โดยทางนิตยสารกล่าวว่า “จางอี้โหมว อาจเป็นที่รู้จักไม่มากนักในสหรัฐอเมริกา แต่เขาเป็นอัจฉริยะด้านความคิดสร้างสรรค์ และเป็นผู้รังสรรค์พิธิเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอย่างยิ่งใหญ่จนโลกไม่อาจลืมเลือน เขาเป็นผู้สร้างสรรค์งานแสดงที่สมควรจะเรียกได้ว่า ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งสหัสวรรษใหม่"

แต่คำชื่นชมของตะวันตกคงไม่ประทับใจเท่าความรู้สึกของเพื่อนร่วมชาติ ซึ่งนักข่าวสาวชาวจีนคนหนึ่งรายงานพิเศษหลังสิ้นสุดพิธีเปิดการแข่งขันปักกิ่งเกมส์ว่า

“จาง อี้โหมว...โปรดรับรู้ไว้ด้วยว่า คุณทำให้พวกเราชาวจีน ภูมิใจในความเป็นจีนจริงๆ!"

มีคำกล่าวที่ว่า “สถานการณ์สร้างคน" พฤติกรรมของคนย่อมเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ที่แปรเปลี่ยนไป ดังนั้น เราคงต้องจับตาดูต่อไปว่าในปีหน้าจะเกิดเหตุการณ์สำคัญอะไรขึ้นบ้าง เพราะไม่ว่าจะดีหรือร้าย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็อาจสร้าง “คนสำคัญ" คนใหม่ของโลกขึ้นมาได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ