แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)เห็นชอบการลงทุนขนาดใหญ่(เมกะโปรเจ็คต์)ในโครงการชลประทาน 5 โครงการ มูลค่าลงทุนรวมกว่า 19,000 ล้านบาทรวม 5 โครงการ พร้อมมีความเห็นให้หน่วยงานต้นสังกัดเร่งดำเนินการ และทั้ง 5 โครงการจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่อีกครั้ง
ทั้งนี้ 5 โครงการดังกล่าว มีความพยายามที่จะจัดสรรงบประมาณเพิ่มอีก 2,994 ล้านบาทในสมัยรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี คือ โครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้าลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง, โครงการผันน้ำจากพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก-อ่างเก็บน้ำบางพระ, โครงการผันน้ำจากพื้นที่จันทบุรีไปแหล่งเก็บน้ำ จ.ระยอง, โครงการบรรเทาอุทกภัย จ.จันทบุรี และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราษฎร์ 5 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา
ทั้ง 5 โครงการที่กรมชลประทานเสนอ เห็นว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำและแหล่งน้ำในพื้นที่เศรษฐกิจ อีกทั้งยังเป็นการสำรองน้ำสำหรับการอุปโภคและบริโภคด้วย นอกจากนี้โครงการทั้ง 5 ถือเป็นหนึ่งในโครงการเมกะโปรเจกต์ระบบน้ำตามแผนการลงทุนเรื่องน้ำที่ตั้งงบประมาณปี 52 ไว้ 23,548 ล้านบาท โดยสามารถดำเนินการได้ทันทีและทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ได้ทันที
ประกอบด้วย โครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง จ.สุราษฎร์ธานี วงเงิน 4,066 ล้านบาท, โครงการผันน้ำจากพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออก-อ่างเก็บน้ำบางพระ วงเงิน 5,619 ล้านบาท, โครงการผันน้ำจากจังหวัดพื้นที่จันทบุรีไปแหล่งเก็บน้ำ จ.ระยอง วงเงิน 4,159 ล้านบาท, โครงการบรรเทาอุทกภัย จ.จันทบุรี วงเงิน 3,845 ล้านบาท และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราษฎร์ 5 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา วงเงิน 1,462 ล้านบาท
แหล่งข่าว กล่าวว่า คระกรรมการ สศช.เห็นว่าบางโครงการอาจไม่จำเป็นต้องให้รัฐเป็นผู้ลงทุนเอง แต่สามารถเปิดให้เปิดให้เอกชนเข้ามาลงทุนได้ เช่น โครงการผันน้ำภาคตะวันออก เพราะปัจจุบันมีเอกชนดำเนินการอยู่แล้ว ขณะที่โครงการป้องกันอุทกภัย จ.จันทบุรี ควรใช้งบประมาณที่เหลืออยู่มาใช้แทนเงินกู้ รวมทั้งในบางโครงการต้องมีการปรับปรุงต้นทุนการก่อสร้างในทุกขั้นตอนให้เหมาะสม ทั้งค่าแรง ค่าวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น