รมว.ตปท.ยืนยันความพร้อมกู้ภาพลักษณ์ไทยในเวทีโลกหลังผ่านมรสุมการเมือง

ข่าวทั่วไป Thursday January 15, 2009 18:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ยืนยันความพร้อมของประเทศไทยในการสร้างความเชื่อมั่นต่อเวทีโลกหลังจากผ่านพ้นการเผชิญปัญหาทางการเมืองภายในประเทศ โดยรัฐบาลตระหนักดีว่าประเทศประสบกับปัญหาด้านภาพลักษณ์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าในประเด็นหลักข้อหนึ่งในนโยบายต่างประเทศที่ลำดับความสำคัญเร่งด่วน คือ การเร่งสร้างความเชื่อมั่นของต่างประเทศที่มีต่อประเทศไทย

ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศจะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงพาณิชย์, สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อแก้ไขภาพลักษณ์ไทยในสายตาชาวโลกทุกมิติ และทุกระดับ โดยเป็นการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเองจะเดินสายโรดโชว์พบปะกับนักธุรกิจต่างชาติของหลายประเทศ เพื่อร่วมสร้างความเชื่อมั่นของต่างชาติด้วยเช่นกัน

รมว.ต่างประเทศ กล่าวในหัวข้อ“ภาพพจน์ไทยในสายตาชาวโลก" ในงานสัมมนาโพสต์ ฟอรั่ม 2009"ว่า สารที่จะชี้แจงให้ต่างชาติได้เข้าใจตรงกันคือการให้หลักประกันเกี่ยวกับความตั้งใจของรัฐบาลในการสร้างความสมานฉันท์ในสังคมไทย, การมีโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง ซึ่งรัฐบาลยึดมั่นแนวทางเศรษฐกิจเสรีแบบเปิด และยินดีต้อนรับนักลงทุนต่างชาติ เน้นการขยายโอกาสเชิงรุกทางเศรษฐกิจใหม่ ที่ภาคเอกชนไทยและต่างประเทศสามารถเข้ามาร่วมได้

ขณะที่ในระยะสั้นนี้รัฐบาลได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน ตลอดจนมาตรการช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจรายสาขาที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจอยู่แล้ว ส่วนระยะยาวนั้นมีนโยบายจะส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันและการดำเนินธุรกิจเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง

นายกษิต ยังกล่าวถึงแนวนโยบายของรัฐบาลต่อกรณีปราสาทพระวิหารด้วยว่า รัฐบาลจะให้เป็นหน้าที่ของระดับเจ้าหน้าที่ โดยรัฐบาลจะทำหน้าที่ในฐานะเพียงผู้สนับสนุนทางด้านเทคนิค แต่ยืนยันว่าจะไม่เข้าไปใช้การเมืองแทรกแซง ซึ่งมั่นใจว่าการเจรจาในระดับปฏิบัติที่ไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องนี้น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งกรณีปราสาทพระวิหารได้

“เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่จะไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือเข้าไปแทรก รัฐบาลจะให้การสนับสนุนด้านเทคนิคต่อไป ให้ระดับปฏิบัติว่ากันไป อย่าเล่นการเมือง รัฐบาลสองประเทศมีหน้าที่ให้ความรู้และข้อเท็จจริงต่อประชาชนของตัวเอง และอย่านำขึ้นมาเป็นประเด็นคลั่งชาติ รักชาติ หรือด่าทอกัน"รมว.ต่างประเทศ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ