คิตตี้ ฮิกกินส์ สมาชิกคณะกรรมการความปลอดภัยด้านคมนาคมแห่งชาติของสหรัฐ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ยังคงทำการค้นหาเครื่องยนต์สองเครื่องที่หายไปของเครื่องบินยูเอสแอร์เวยส์ที่ประสบอุบัติเหตุตกลงในแม่น้ำฮัดสันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นหลักฐานสำคัญที่จะทำให้ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุดังกล่าว
ฮิกกินส์เผยว่า ได้มีการนำโซนาร์ หรือ ระบบค้นหาวัตถุใต้น้ำด้วยคลื่นเสียงมาใช้ในปฏิบัติการนี้ด้วย พร้อมกล่าวว่าเป็นการเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดจากการที่เครื่องบินชนเข้ากับนกตามที่ระบุในรายงานเบื้องต้น
ทั้งนี้ เครื่องบินโดยสารแบบแอร์บัส เอ 320 เที่ยวบิน 1549 ของสายการบินยูเอส แอร์เวย์ ซึ่งกำลังจะเดินทางไปเมืองชาร์ล็อต รัฐนอร์ธ แคโรไลน่า ได้ชนเข้ากับฝูงนก ไม่นานหลังจากที่บินเทคออฟออกจากสนามบินลาการ์เดีย แต่โชคดีที่นักบินสามารถนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินในแม่ฮัดสันทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 155 คนรอดชีวิตมาได้ ซึ่งเดวิด แพทเทอร์สัน ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น "ปาฏิหาริย์แห่งแม่น้ำฮัดสัน"
โดยเครื่องบินสามารถลอยอยู่บนผิวน้ำได้นานพอที่จะทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือได้รับความช่วยเหลือให้ขึ้นเรือดับเพลิงและเรือเฟอร์รี่ซึ่งแล่นอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุพอดี ซึ่งฮิกกินส์กล่าวว่า การนำเครื่องบินร่อนลงจอดบนผืนน้ำได้อย่างปลอดภัยนั้นแทบจะไม่เคยเกิดขึ้น
สำหรับซากเครื่องบินจะถูกนำขึ้นจากแม่น้ำในวันนี้เพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จะกู้ข้อมูลในกล่องดำซึ่งได้บันทึกข้อมูลของเที่ยวบินและบันทึกเสียงในห้องนักบินเอาไว้เพื่อนำไปวิเคราะห์ด้วย