นายกฯ ชูงานแก้วิกฤติ 3 ด้าน ผลกระทบการเงินโลก-การเมือง-ปัญหาสะสมศก.ไทย

ข่าวทั่วไป Tuesday January 27, 2009 17:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ"เชื่อมั่น..เชื่อมือ..เชื่อถือ..ไทยแลนด์"โดยระบุว่า สิ่งสำคัญ 3 ประการที่รัฐบาลจำเป็นต้องคลี่คลายให้เกิดความชัดเจนโดยเร็วที่สุดเพื่อให้ประเทศสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้ คือ การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากผลกระทบวิกฤติการเงินในต่างประเทศ, ปัญหาวิกฤติการเมืองในประเทศ และปัญหาที่สะสมอยู่ในระบบเศรษฐกิจของไทยเอง

ในช่วงการทำงานของรัฐบาลระยะ 1 เดือนที่ผ่านมาเชื่อว่าสถานการณ์ปัญหาดังกล่าวได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้ว โดยเริ่มเห็นความชัดเจนว่าประเทศจะเดินหน้าไปทางใด และสามารถกำหนดทิศทางเศรษฐกิจของประเทศได้ในระดับหนึ่ง

"ผมคงพูดไม่ได้ว่าประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว จากที่นึกไม่ออกว่าบ้านเมืองจะเดินไปทางไหน คิดว่า 1 เดือนที่ผ่านมา เราได้ก้าวพ้นสภาพจากการไร้ระเบียบ และสามารถกำหนดทิศทางเศรษฐกิจได้แล้ว" นายกรัฐมนตรี ระบุ

นายกรัฐมนตรี ยังเชื่อว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลออกมาเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดและเป็นการเติมกำลังซื้อเข้าไปในระบบเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี จากที่ได้วิเคราะห์แล้วว่าปัญหาเฉพาะหน้าของประเทศที่ต้องแก้ไขก่อนเป็นลำดับแรกคือการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศควบคู่ไปกับการทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพื่อให้ภาคธุรกิจได้ดำเนินต่อไปได้

จากการประเมินปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจในปัจจุบันพบว่าแตกต่างจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 40 เพราะวิกฤติรอบนี้มาจากกำลังซื้อที่หายไป ไม่ว่าจะเป็นทั้งภาคการส่งออก การท่องเที่ยว ตลอดจนการบริโภคภายในประเทศ แต่มองว่าในช่วงไตรมาส 1-2 ของปีนี้ ปัญหากำลังซื้อของต่างประเทศจะสามารถบรรเทาลงได้จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในแต่ละประเทศเหล่านั้นเอง ในขณะที่บ้านเราจะต้องกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศไปด้วยเช่นกัน

"ผมไม่กล้าบอกว่ามันสมบูรณ์ แต่เราตั้งเป้าไว้ตรงจุด ตรงปัญหา เราวิเคราะห์แล้วว่าปัญหาเฉพาะหน้าคือต้องประคองกำลังซื้อในประเทศไปพร้อมๆ กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการดำเนินต่อไปได้...แม้มาตรการต่างๆ จะมุ่งแก้ปัญหาระยะสั้น แต่จะเชื่อมโยงไปสู่มาตรการระยะกลาง และระยะยาวต่อไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว

อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังเตรียมแผนสำรองสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกและไตรมาส 3 หากสถานการณ์ต่างๆ ไม่เอื้ออำนวย โดยมอบหมายให้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เตรียมแผนสำรองในเรื่องการกู้เงินต่างประเทศไว้หากมีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการ

นายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนท้ายว่าหากจะพูดถึงความเชื่อมั่น เชื่อมือ ก็ไม่อยากให้มองว่าเป็นความเชื่อมือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่อยากให้เชื่อมือของคนไทยทั้งประเทศที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นร่วมกัน ซึ่งเมื่อทุกฝ่ายร่วมมือกันแล้วก็เชื่อว่าจะสามารถฟันฝ่าวิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้นจนสามารถก้าวผ่านออกจากวิกฤติและทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ