ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนครั้งรุนแรงที่สุดในรอบร้อยปี ซึ่งกำลังจู่โจมทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ โดยคลื่นความร้อนทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 20 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และยังเป็นสาเหตุให้เกิดไฟป่า และไฟฟ้าดับในเมลเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของออสเตรเลีย
โดยอุณหภูมิได้พุ่งสูงสุดกว่า 40 องศาเซลเซียสในรัฐวิคตอเรียและเซาท์ออสเตรเลียในช่วงสามวันที่ผ่านมา ซึ่งถ้าหากอุณหภูมิยังอยู่ในระดับสูงในวันอาทิตย์นี้ ก็จะทำให้เหตุการณ์คลื่นความร้อนในครั้งนี้เป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดในรอบศตววรษเลยทีเดียว
ในเมืองอาดีเลด เมืองหลวงของเซาท์ออสเตรเลีย มีรายงานผู้เสียชีวิตฉับพลันมากกว่า 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่หัวใจวายและเส้นเลือดในสมองอุดตัน และไม่สามารถทนต่อคลื่นความร้อนได้ ขณะที่ในเมืองบูลาร์รา เมืองชนบทของรัฐวิคตอเรีย ได้เกิดไฟป่าขึ้น และส่งผลให้บ้านเรือนอย่างน้อย 10 หลังได้รับความเสียหาย
ส่วนในเมลเบิร์น เมืองหลวงของรัฐวิคตอเรียนั้น คลื่นความร้อนได้ทำให้บริการคมนาคมขนส่งหยุดชะงักและไฟฟ้าดับ โดยรถไฟต้องหยุดให้บริการเนื่องจากอุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้รางรถไฟโค้งงอ ขณะที่เกิดระเบิดที่สถานีไฟฟ้าย่อยทำให้บ้านเรือน 300,000 หลังไม่มีไฟฟ้าใช้ นอกจากนี้ สัญญาณไฟจราจรในเมืองก็หยุดทำงาน