องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขและกลุ่มเอชไอวี/เอดส์ในภูมิภาคเอเชียร่วมมือกันต่อต้านการแพร่กระจายเชื่อในกลุ่มชายรักร่วมเพศที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ชี้กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกันยังคงเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุดในการแพร่เชื้อเอชไอวี และการแก้ปัญหาดังกล่าวก็ไม่สามารถดำเนินการได้เพียงลำพัง
มาสซิโม กิดิเนลลี ที่ปรึกษาระดับภูมิภาคของ WHO กล่าวในการแถลงข่าวหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่ฮ่องกงว่า จำเป็นต้องให้ความรู้แก่ชายที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพศเดียวกันได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ถุงยางอนามัย หน่วยงานสาธารณสุขต่างๆเองก็สามารถทำในส่วนนี้ได้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพียงลำพัง โดยอุปสรรคที่สำคัญในการแก้ปัญหาก็คือ การขาดแคลนข้อมูลที่เชื่อถือได้ การวางแผนโครงการจัดหาข้อมูล การจัดสรรทรัพยากร และโครงการสนับสนุนต่างๆ
ทั้งนี้ หลายประเทศในเอเชียแปซิฟิคยังคงมีกรอบกฎหมายที่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ของกลุ่มเพศเดียวกัน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ขัดขวางการแก้ปัญหาที่ได้ผลต่อการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายรักร่วมเพศ
ชายรักร่วมเพศอาจจะติดเชื้อและเป็นพาหะไวรัสเอชไอวีเป็นเวลานานถึง 10 ปี กว่าอาการของโรคเอดส์จะปรากฏ และคาดว่าประชากร 10 ล้านคนในเอเชียเป็นพาหะ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายเอชไอวี/เอดส์ของยูเอ็นดีพีกล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวอาจจะต่ำเกินไป สำนักข่าวเกียวโดรายงาน