นายศุภรัตน์ ควรหา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้ มีมติเห็นชอบการดำเนินงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้กรมควบคุมมลพิษ เฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ พร้อมรายงานข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและรองรับสถานการณ์ต่อไป ส่วนกรณีมลพิษหมอกควันข้ามแดนให้ประสานงานดำเนินการแก้ไขปัญหาทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคีตามข้อกำหนดข้อตกลงอาเซียน
และให้กรมอุทยาแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดำเนินการตามยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันปี 52 ให้ดำเนินการขยายผลแนวพระราชดำริป่าเปียก ซึ่งเป็นแนวทางการอนุรักษ์ป่าไม้ โดยใช้ความชุ่มชื้น ให้ป่าเขียวตลอดเวลา สามารถป้องกันไฟป่าได้ ส่วนกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้ดำเนินโครงการณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ได้มอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนโครงการ ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย ในระดับจังหวัด ให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหมอกควันระดับตำบล อำเภอ และจังหวัด ตามความเหมาะสม และช่วงวิกฤติให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ 24 ชั่วโมง
ส่วนกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้แจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้มงวดการควบคุมดูแลการเผาในที่โล่ง เช่น การเผาขยะมูลฝอยในชุมชน การเผาเศษใบไม้กิ่งไม้ พร้อมกำชับให้ อปท.ทั้ง 2,747 แห่ง รับการถ่ายโอนภารกิจการควบคุมไฟป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ไปปฏิบัติตามแผนการถ่ายโอนภารกิจอย่างเคร่งครัด
กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบก กองทัพอากาศและสำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สนับสนุนการดำเนินการเฝ้าระวังและตรวจติดตามการจุดไฟ โดยให้ความอนุเคราะห์ปีกตรึงและเฮลิคอปเตอร์ในการบินลาดตระเวน และแจ้งเหตุการพบจุดเกิดไฟ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบเพื่อดำเนินการควบคุมและดับไฟ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ถือการควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตรเป็นภารกิจหลัก โดยส่งเสริมให้การเกษตรปลอดการเผา จัดตั้งศูนย์เครื่องจักรกลปลอดการเผา, ให้สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ภาคเหนือช่วงหน้าแล้ง
กระทรวงคมนาคม กำชับหน่วยงานรับผิดชอบเส้นทางหลวงทุกสาย ให้กำจัดวัชพืชบริเวณริมทางหลวงอย่างสม่ำเสมอ ห้ามไม่ให้มีการกำจัดวัชชพืช โดยการจุดไฟเผาโดยเด็ดขาด และห้ามมาตรการป้องกันการเกิดไฟบริเวณริมทางหลวง
กระทรวงสาธารณสุข ให้แจ้งเตือนประชาชนและทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาและผลกระทบต่อสุขภาพจากสถานการณ์หมอกควัน พร้อมจัดเตรียมอุปกรณ์การแพทย์และบุคลากรตามความจำเป็น ช่วงวิกฤติสถานการณ์หมอกควัน
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้ประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์หมอควัน ร่วมกับการประกาศพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา
สำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าปี 51-54 เพื่อสามารถดำเนินงานควบคุมการเผาในที่โล่งอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจัดสรรงบประมาณให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ขยายผลแนวพระราชดำริป่าเปียกต่อไป