นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT ว่า จากการที่ได้จัดทำวาระประชาชน จึงเห็นว่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ( อสม). และผู้สูงอายุควรจะมีการปรับเปลี่ยน โดยในส่วนของ อสม. เห็นว่าควรได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม และมีค่าตอบแทนรายเดือนให้ สำหรับในส่วนของผู้สูงอายุนั้น รัฐบาลที่ผ่านมาได้จัดทำเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ แต่ไม่สามารถให้เบี้ยยังชีพกับผู้สูงอายุได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นรัฐบาลปัจจุบันจึงได้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ใหม่ โดยขยายกรอบเพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพอย่างทั่วถึง พร้อมยืนยันผู้สูงอายุจะได้รับเบี้ยยังชีพตลอดชีพ
"ทั้งสองเรื่องนี้ สอดรับกับความตั้งใจของรัฐบาลว่าในยุคเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออก พึ่งพาการท่องเที่ยวได้ เศรษฐกิจโลกมีปัญหา เราก็พยายามกระตุ้นกำลังซื้อประชาชนในประเทศ จึงคิดว่าเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้นนโยบายทั้งสองเรื่องนี้ จะเริ่ม 1 เม.ย.ที่จะจ่ายเงินเป็นต้นไป"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
โดยในส่วนผู้สูงอายุเกี่ยข้องกับคน 6-7 ล้านคน ในขณะที่ สมาชิก อสม.เกือบ 1 ล้านคน แต่ที่ผ่านมาก็ยังปัญหา คำถาม สับสนในนโยบาย นายกรัฐมนตรชี้แจงว่า ในส่วน อสม.ที่เป็นผู้สูงอายุหรืออายุเกิน 60 ปี ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้ค่าตอบแทน ทั้งสองอย่าง ขณะที่ ผู้สูงอายุ ที่ได้รับสิทธิ์ รวมไปถึง พระภิกษุก แม่ชี ที่มีอายุเกิน 60 ปี ยกเว้นพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่
อย่างไรก็ตาม การขึ้นทะเบียนผู้สูงอายุได้กำหนดต้องอายุเกิน 60 ปี ก่อนวันที่ 1 เม.ย. 52 เพื่อให้สะดวกกับการทำงาน แต่โครงการนี้ยังมีต่อไป และปีหน้าก็จะเปิดให้ลงทะเบียนเต่อไป
นอกจากนี้ เบี้ยยังชีพคนชราจะให้ตลอดไป ไม่ใช่ 6 เดือนอย่างที่เข้าใจ เพราะเป็นนโยบายรัฐบาล ยกเว้นรัฐบาลอื่นเข้ามาเปลี่ยนแปลง ซึ่งรัฐบาลนี้จะพยายามทำให้ชัดเจนและต่อไปจะทำให้เป็นกฎหมาย เป็นระเบียบต่อไปด้วย โดย 6 เดือนนี้ จะใช้เงินจากงบประมาณปี 52 และกำลังจัดทำงบประมาณปี 53 ซึ่งก็จะเตรียมเงินไว้ส่วนนี้ ซึ่งเริ่ม 1 ต.ค. 52
"เราได้เตรียมงยประมาณเอาไว้ว่าใครที่มีคุณสมบัติที่จะได้รับเบี้ยในช่วงต่อไปนี้ก็ได้รับตลอดไป ซึ่งจะได้มั่นใจ ขอยืนยันว่าไม่ได้ให้เฉพาะแค่ 6 เดือน แต่จให้ตลอดไปตราบเท่าที่มีคุณสมบัติครบ"
อย่างไรก็ตาม หากรัฐไม่สามารถจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมายกระทบกับงบประมาณ รัฐบาลเล็งที่ปรับขึ้นภาษีสรรพาสามิตเหล้าและบุหรี่ ต่อไป
ส่วนผู้สูงอายุที่เคยได้เบี้ยยังชีพก่อนหน้านี้ ก็จะปรับปรุงกฎเกณฑ์เพื่อให้ได้ตลอดไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง นโยบายเกี่ยวกับอสม. และ ผู้สูงอายุนั้นเห็นว่าควร มีปรับเปลี่ยน โดยในส่วนของ อสม. ที่ผ่านมาคนเหล่านี้ทำงานแล้วยังต้องควักระเป๋าเอง หรือแม้รัฐจะมีค่าใช้จ่ายแต่ก็มีอุปสรรค เราก็มองเห็นว่า ถ้ายังคงเป็นอาสาสมัคร จะเป็นประชาชนที่มีจิตอาสา แต่จะไม่ได้ให้เงินเดือน แต่เห็นควรจะมีค่าตอบแทน ซึ่งก็ต้องผูกโยงกับงานที่จะรับไปทำให้กับรัฐบาล วันนี้รัฐบาลได้กำหนดให้เป็นนโยบายที่จะให้ค่าตอบแทนกับอสม. ที่ผ่านการฝึกอบรม มีค่าตอบแทนเป็นรายเดือน