นายกฯ ยันการเมืองไทยเดินหน้าสู่สมานฉันท์ พร้อมต้อนรับการลงทุนจากตปท.

ข่าวทั่วไป Saturday March 14, 2009 17:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์แก่ผู้บริหารกรุงลอนดอนและกลุ่มนักธุรกิจสหราชอาณาจักร โดยยืนยันว่า ขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติแล้ว มีรัฐบาลบริหารประเทศบนหลักการพื้นฐานประชาธิปไตย และเพื่อเริ่มกระบวนการสมานฉันท์ทางการเมือง รัฐบาลได้มอบหมายให้องค์กรวิชาการที่อิสระทำการศึกษา โดยเชิญทุกภาคส่วนร่วมให้ความคิดเห็นด้วย

ความท้าทายสำคัญที่รัฐบาลส่วนใหญ่กำลังผชิญหน้าในปัจจุบัน คือ ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตการเงินในสหรัฐฯ เมื่อรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ก็ได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นต่างๆ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไป เช่นการสนับสนุนสินค้าเกษตร มาตรการเรียนฟรี เงินพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ การสร้างงาน การฝึกอบรม ซึ่งเป็นมาตรการที่ประเทศอื่นๆ ก็นำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเช่นเดียวกับประเทศไทย

การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะดำเนินควบคู่ไปกับการรักษาวินัยการเงิน การคลัง โดยมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้มั่นใจได้ว่านโยบายด้านการเงินการคลังจะทำงานประสานกัน เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ การรักษาเสถียรภาพราคาและการจ้างงาน

นอกจากนโยบายระยะสั้นแล้ว ยังได้มีการกำหนดมาตรระยะกลางและระยะยาว เพื่อสร้างงานและการจ้างงานให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งมาตรการและการฝึกอบรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนกว่า 500,000 คน การพัฒนาโครงสร้างพื้นนั้นถือเป็นมาตรการระยะยาว เนื่องจากระเบียบการคลังที่กำหนดห้ามมิให้รัฐบาลนำเงินสำรองต่างประเทศออกมาใช้ จึงได้มีการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น รถไฟฟ้า ระบบขนส่งขนาดใหญ่ พลังงาน เทคโนโลยีสารสนเทส การบริการจัดการทรัพยากรน้ำ สุขภาพและการศึกษา ซึ่งเป็นสาขาหลักสำคัญ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

"ประเทศไทยยินดีต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย และยืนยันว่าประเทศไทยมีบรรยากาศที่เอื้อและเป็นมิตรต่อการลงทุนด้วยเหตุผลต่างๆ" นายกรัฐมนตรี กล่าวในหัวข้อ "การฟื้นฟูความเชื่อมั่น และการขับเคลื่อนประเทศไทย"

นายกรัฐมนตรี ระบุถึงเหตุผลต่างๆ ที่ยืนยันว่าไทยมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนและเป็นมิตรกับนักลงทุนต่างชาติ โดยประการแรก ไทยจะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ คือ เมกกะโปรแจกต์ โดยรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการแห่งชาติดูแลการทำงานร่วมระหว่างภาคเอกชนและรัฐบาล (Public Private Partnership--PPP) ในการกำหนดดำเนินโครงการต่างๆ ในประเทศไทย

ประการที่สอง แม้นักธุรกิจและนักลงทุนชาวต่างประเทศในไทยมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับกฏหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แต่รัฐบาลจะไม่มีการแก้ไขกฏหมายดังกล่าว แต่จะใช้กลไกของกฏหมายดังกล่าว เพื่อสนับสนุนการค้าเสรี การแข่งขันที่ยุติธรรม เน้นความโปร่งใสและเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น

ประการที่สาม สำหรับกฏหมายการค้าส่งและค้าปลีก ไทยเห็นถึงความสำคัญของธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง การจัดระบบสำหรับควบคุมธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งในไทยยังคงมีความจำเป็น โดยคำนึงถึงข้อห่วงใยของผู้ประกอบการท้องถิ่นและนักลงทุนชาวต่างชาติอย่างเท่าเทียมกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ