นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านทีวีพูลเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนวันนี้ พร้อมด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่และรัฐบาลไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)อย่างที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีการสื่อสารกัน รวมทั้งมีความพยายามปล่อยข่าวว่าขณะนี้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไม่เป็นเอกภาพ และทำให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อการทำงานอย่างแน่วแน่ของเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลบ้านเมืองให้เข้าสู่ความสงบเรียบร้อย
"มีความพยายามที่จะปล่อยข่าวให้เกิดความเข้าใจว่ามีความไม่เป็นเอกภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ มีความแตกแยก หรือมีความพยายามยุยงส่งเสริมให้เกิดวามหวาดระแวง ปล่อยข่าวในลักษณะที่ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ถึงความแน่วแน่ มั่นคงของการทำงานร่วมกันของรัฐบาลกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริงจากภาพข่าวที่เห็นเป็นหลักฐาน ซึ่งรัฐบาลจะพยายามรายงานสถานการณ์ให้ทราบทุกระยะ และหากพบเห็นสิ่งผิดปกติก็ขอให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ โดยย้ำว่าทั้งตำรวจและทหารเป็นมิตรกับประชาชนทุกคน และกำลังปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความถูกต้องของบ้านเมือง ไม่ประสงค์ที่จะใช้ความรุนแรง แต่กำลังปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาหลักการความถูกต้อง และกฎหมายของบ้านเมือง
สำหรับการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรงในพื้นที่กทม.และปริมณฑล เป็นความจำเป็นของรัฐบาลให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามที่ได้รับมอบหมายภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 3-4 วันนี้ รัฐบาลจะทำงานตลอดเวลาเพื่อนำความถูกต้องกลับคืนสู่ระบบบ รวมทั้งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองต่อไป
ส่วนกรณีความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปก่อความวุ่นวายจนรัฐบาลต้องเลื่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจาที่พัทยานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ศาลได้ออกหมายจับแกนนำ นปช.ที่สร้างความวุ่นวายแล้ว 5 คน โดยตั้งข้อหา ซึ่งได้แก่ มั่วสุม กระทำการทางวาจาเพื่อให้มีการล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และ กีดขวางการจราจร
พฤติกรรมเหล่านี้มาเกิดขึ้นที่กทม.ในวันนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่การชุมนุมตามสิทธิที่มีรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการกล่าวอ้างหลักการประชาธิปไตยเพื่อปลุกระดมมวลชนให้มาก่อความวุ่นวาย มีการตั้งสิ่งกีดขวางการจราจรหลายทางแยก ตั้งด่านตรวจค้นยานพาหนะของประชาชน มีการปราศรัยปลุกระดมให้กระทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน โดยยุยงให้บุกรุกสถานที่ราชการเพื่อทำลายทรัพย์สิน ประกาศจับบุคคลทั้งที่ตัวเองไม่มีอำนาจ
รวมถึงการก่อความวุ่นวายถึงขั้นการจลาจล ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทย นอกจากนั้นมีการปลุกระดมประชาขนในต่างจังหวัดให้ออกมาชุมนุมในหลายจุดด้วย