นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ มียอดผู้เสียชีวิตถึง 373 ราย เป็นความผิดพลาดเชิงนโยบายที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากนโยบายห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ของกระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายนักวิชาการ และเครือข่ายภาคประชาชน ได้ถูกปฎิเสธจากคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ซึ่งมี พล.ต.สนั่น เป็นประธาน ดังนั้นคงจะปฏิเสธความรับผิดชอบชีวิตประชาชนและญาติพี่น้องผู้สูญเสียเหล่านี้ไม่ได้
คำแถลงการณ์ได้ระบุถึงข้อแสดงจุดยืนและข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ขอให้คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ แสดงความรับผิดชอบด้วยการประกาศมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 วัน ไม่มีข้อยกเว้น รวมไปถึงมาตรการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรถและท้ายกระบะโดยเร็วที่สุดให้มีผลบังคับใช้ในเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ ปี 53 เพื่อให้ทุกฝ่ายได้มีการปรับตัว และมีเวลาในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์มากขึ้น
2.ขอให้คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เร่งออกมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่โดยเร่งด่วน เพื่อเป็นการไถ่บาปจากการตัดสินใจเชิงนโยบายที่ผิดพลาด และไม่มีเหตุผลอีกแล้วที่รัฐบาลจะไม่ดำเนินการ นอกเสียจากเป็นไปตามข้อครหาในการปกป้องผลประโยชน์ให้ธุรกิจเครื่องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
3.หากไม่มีการดำเนินการใดๆ ตามข้อเสนอข้างต้น เครือข่ายฯ ขอเรียกร้องให้ พล.ต.สนั่น พิจารณาตัวเองลาออกจากประธานคณะกรรมการนโยบายฯ เพราะเป็นผู้นำในการตัดสินใจที่ผิดพลาด และในการดำรงตำแหน่งดังกล่าวยังขัดกับหลักการขององค์การอนามัยโลก ซึ่งไม่ให้ผู้ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนมาพิจารณานโยบาย และขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ทั้งนี้เพื่อพิสูจน์และลดข้อครหาที่ว่า พรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งไม่กล้าทำอะไรที่ขัดผลประโยชน์กับนายทุนพรรค
นายมานิต นพอมรบดี รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ยอดผู้เสียชีวิตในช่วง 7 วันระวังอันตรายช่วงเทศกาลสงกรานต์ (10-16 เม.ย.) มีถึง 373 ราย มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 5 ราย แสดงให้เห็นว่าการรณรงค์เมาไม่ขับของหน่วยงานต่างๆ ยังไม่ได้ผล ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขได้พยายามเสนอให้คณะกรรมการนโยบายแอลกอฮอล์แห่งชาติ กำหนดวันหยุดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่ก็ไม่เป็นผล ส่วนยอดผู้บาดเจ็บแม้ลดลงจากปีที่แล้วถึง 470 ราย ก็ต้องหาข้อมูลว่าเกิดจากการเข้าถึงจุดเกิดเหตุได้รวดเร็วมากขึ้นหรือเหตุผลอื่น