- จับตาการประชุมร่วม 2 สภาทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาที่จะมีขึ้นในวันนี้และพรุ่งนี้ โดยรัฐบาลมีความมุ่งหมายที่จะรับฟังข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเพื่อมาใช้เป็นหนทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้ต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การประชุมครั้งนี้จะแสดงให้เห็นความจริงใจว่าทุกฝ่ายมีเป้าหมายต้องการเห็นความสงบของประเทศชาติอย่างแท้จริงหรือไม่ หรือเป็นแค่เพียงละครฉากเดิมที่ต่างสาดสีใส่โคลนซึ่งกันและกัน เพราะในที่สุดแล้วก็ไม่มีทางออกให้กับบ้านเมือง
- บ่ายนี้ ศาลอาญานัดไต่สวนนายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพยานที่"วีระ-ณัฐวุฒิ-นพ.เหวง"3 แกนนำนปช.ได้ยื่นบัญชีพยานเสนอต่อศาลเพื่อขอให้ไต่สวนในประเด็นว่าการที่นายกรัฐมนตรีประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งหากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่านายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ย่อมเป็นเหตุให้ศาลต้องมีคำสั่งปล่อยตัว 3 แกนนำนปช.
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)จะแถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจทั้งภายในและต่างประเทศ หลังจากดัชนีดังกล่าวได้อยู่ในระดับต่ำกว่า 100 ที่ถือว่าเป็นระดับปกติมานานกว่า 35 เดือนแล้ว
- นอกจากนี้ต้องจับตาดูยอดส่งออกรถยนต์ที่จะประกาศโดย ส.อ.ท.เช่นกันว่าจะติดลบต่อเนื่องอีกเดือนหรือไม่จากปัญหายอดคำสั่งซื้อที่ลดลงอันเป็นผลมาจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก จากก่อนหน้านี้ยอดส่งออกรถยนต์ของไทยเริ่มติดลบต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน พ.ย.51 ที่ติดลบ 1.93% และล่าสุดเดือน ก.พ.52 ส่งออกรถยนต์ติดลบถึง 32.49%
- รอฟังการแถลงรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คาดว่าจะมีการปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 52 ลงจากเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจีดีพีปีนี้จะโตได้เพียง 0-2% เท่านั้น อันเนื่องมาจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศ รวมถึงความวุ่นวายทางการเมืองที่ร้อนระอุตามสภาพอากาศในเดือน เม.ย.ขณะที่วานนี้นายกรัฐมนตรีออกมาคาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจมีสิทธิติดลบไปถึง 4-5%
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--