นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ข่าวการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จากประเทศเม็กซิโกที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นอย่างมากนั้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) ได้จับมือกับด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุขติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิเทอร์โมสแกน(Thermoscan) เพื่อตรวจผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางจากต่างประเทศผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โดยเครื่องดังกล่าวได้ติดตั้งไว้ที่ชั้น 2 บริเวณทางเข้าจุดตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ซึ่งผู้โดยสารทุกคนจะต้องเดินผ่านเครื่องตรวจจับอุณหภูมินี้ โดยได้กำหนดอุณหภูมิปกติไว้ที่ 36 องศาเซลเซียส และหากพบผู้โดยสารมีอุณหภูมิสูงกว่าที่กำหนด หน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์จะปรากฏแถบสีแดงขึ้นมาทันที พร้อมกับมีเสียงดังเตือนถึงความผิดปกติ จากนั้นแพทย์จากกระทรวงสาธารณสุขจะทำการตรวจร่างกายเบื้องต้น และซักถามประวัติของผู้โดยสารรายนั้นก่อนส่งไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลบำราษฎร์นราดูรอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
นายเสรีรัตน์ เปิดเผยว่า ผู้โดยสารที่เดินทางจากต่างประเทศเพื่อเข้าสู่ประเทศไทยจำนวนกว่า 98% จะผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แม้จะไม่มีเที่ยวบินที่บินตรงจากเมืองที่องค์การอนามัยโลก(WHO) ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินไว้ ซึ่งในฐานะที่เป็นด่านแรกของไทยที่จะต้อนรับผู้โดยสารจากต่างประเทศ ทสภ.จึงได้มีการตรวจผู้โดยสารระหว่างประเทศทุกคน โดยเฉพาะเที่ยวบินที่มีผู้โดยสารเดินทางมาจากเมืองที่ WHO ประกาศเตือนไว้ และแวะเปลี่ยนเที่ยวบินที่เมืองอื่นก่อนเข้าสู่ประเทศไทยจะมีการตรวจเข้มเป็นพิเศษ
พร้อมกันนี้ จะมีการแจกเอกสารข้อควรปฏิบัติจากกระทรวงสาธารณสุข(Health Beware Card) เพื่อให้ผู้โดยสารได้เฝ้าระวังสุขภาพของตนเองหากภายใน 14 วันหลังจากเดินทางกลับจากต่างประเทศ หากพบว่ามีอาการผิดปกติของร่างกาย เช่น มีอาการไข้สูง ปวดเมื่อยตัว ตัวเหลืองตาเหลือง อุจจาระร่วง ต้องเข้าพบแพทย์ทันที โดยสามารถติดต่อกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-590-3333
อนึ่ง ทสภ. จะยังคงตรวจเข้มผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อป้องกันการระบาดของโรคดังกล่าวในประเทศไทย