ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐออกแถลงการณ์ฉุกเฉินเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ โดยขอให้ชาวอเมริกันอย่างตื่นตระหนกต่อข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธ์เม็กซิโก (swine flu) แม้รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขหลังจากจำนวนผู้เสียชีวิตในเม็กซิโกเพิ่มขึ้นก็ตาม
รัฐบาลสหรัฐประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขเมื่อวานนี้ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกในสหรัฐและเม็กซิโกพุ่งสูงขึ้น พร้อมระบายยาทามิฟูลต้านไวรัสไข้หวัดหมูออกจากคลังสำรอง ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในเม็กซิโกพุ่งขึ้นเป็น 149 รายแล้วในขณะนี้
"คณะทำงานของเรากำลังติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกอย่างใกล้ชิด แม้การดำเนินการของรัฐบาลอาจก่อให้เกิดกระแสความวิตกกังวลจนถึงขั้นตอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่เราไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก" โอบามากล่าวในแถลงการณ์
คณะทำงานของโอบามาเร่งดำเนินการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดเม็กซิโก โดยนายริชาร์ด เบสเชอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐ (CDC) เปิดเผยว่า CDC ได้นำยาต้านไวรัสในคลังสำรองของรัฐบาลถึง 11 ล้านโดส หรือ 25% ออกมาแจกจ่ายให้รัฐต่างๆ เพื่อรับมือกับไวรัสไข้หวัดเม็กซิโกแล้ว รวมถึงรัฐนิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย และเท็กซัส พร้อมกับแนะนำให้ประชาชนล้างมือบ่อยๆ และขอร้องให้พักผ่อนอยู่บ้านหากพบว่าตนเองป่วย
ด้านนางเจเน็ต นาโปลิตาโน รมว.ความมั่นคงแห่งมาตุภูมิกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐอยู่ในสถานะเตรียมพร้อมรับมือหากไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกแพร่ระบาด พร้อมกับส่งบุคลากรและอุปกรณ์การแพทย์ครบครันไปยังพื้นที่ที่พบการติดเชื้อ อีกทั้งให้ข้อมูลการป้องกันตัวเองแก่ประชาชน นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ตั้งจุดตรวจร่างกายประชาชนที่สนามบินและบริเวณชายแดน สำนักข่าวเอพีรายงาน