รายงานข่าวจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลได้รับตัวข้าราชการหญิงวัย 42 ปี หลังเดินทางไปราชการที่ประเทศเม็กซิโกในช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และหลังจากกลับมามีอาการไข้วัดอุณหภูมิได้ 37 องศา ซึ่งแพทย์ได้รับตัวไว้เพื่อรอดูอาการว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกหรือไม่ และขณะนี้ได้รายงานให้กระทรวงสาธารณสุขทราบแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวล่าสุดว่า กระทรวงสาธารณสุขออกมาระบุว่าผลตรวจสอบเบื้องต้นข้าราชการหญิงคนดังกล่าวไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก เพียงแต่เดินทางกลับมาจากเม็กซิโกซึ่งถือเป็นประเทศเสี่ยง จึงขอกักตัวไว้รอดูอาการให้แน่ใจอีก 2 วัน
นพ.ธีระพงศ์ เจริญวิทย์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.หญิงรายนี้มีไข้ต่ำ ๆ ประกอบกับมีข่าวไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดในเม็กซิโกจึงเดินทางมาพบแพทย์ด้วยตัวเอง แต่จากผลตรวจเบื้องต้นไม่พบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
เบื้องต้นแพทย์แยกคนไข้ไว้ในสถานที่เตรียมไว้แล้วประสานไปยังเครือญาติที่คนไข้ได้สัมผัส หรือมีปฏิสัมพันธ์เพื่อเฝ้าระวังต่อไป นอกจากนี้แพทย์จะนำสารคัดหลั่ง เช่น เสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ไปตรวจที่ห้องแล็บเพื่อเพาะเชื้อ ซึ่งจะรู้ผลภายในวันพรุ่งนี้(29 เม.ย.)
"ผมขอยืนยันว่ายังไม่พบการติดเชื้อเกิดขึ้น เราเพียงรับประวัติมาว่าเดินทางไปยังประเทศเม็กซิโกแล้วกลับมามีไข้ ซึ่งผล(แล็ป)น่าจะเป็นวันพรุ่งนี้" นพ.ธีระพงศ์ กล่าว
หญิงรายดังกล่าสเป็นบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเดินทางปฏิบัติราชการที่ประเทศเม็กซิโก ระหว่างวันที่ 3-11 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังกลับประเทศไทยมีไข้ต่ำในวันที่ 23 เม.ย.52 จากนั้นกลับมามีไข้ต่ำอีกครั้งในวันที่ 26 เม.ย.52 และวันนี้เดินทางมารับการตรวจที่โรงพยาบาลด้วยไข้สูงถึง 37 องศาเซลเซียส แพทย์จึงรับตัวไว้ดูอาการ
โดยช่วงระหว่างวันที่ 3-11 เม.ย.52 หญิงรายนี้เดินไปที่เม็กซิโก, วันที่ 11-19 เม.ย.52 อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา, วันที่ 19-21 เม.ย.กลับมาที่ประเทศไทย และวันที่ 22-25 เม.ย.52 เดินทางไปที่สิงคโปร์