อธิบดีกรมปศุสัตว์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่กวดขันดูแลเพื่อป้องกันโรคและการสุขาภิบาลในฟาร์มสุกร หลังเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือสายพันธุ์ A(H1N1)ในหลายประเทศทั่วโลก และล่าสุดประเทศแคนาดาพบหมูในฟาร์มแห่งหนึ่งติดเชื้อโรคดังกล่าว โดยคาดว่าเป็นการติดจากคนที่เดินทางกลับมาจากเม็กซิโก
"เป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในคนและติดต่อระหว่างคนสู่คน แต่เชื้อตัวใหม่นี้มีส่วนผสมของสารพันธุกรรมของไวรัสโรคหวัดของสุกรด้วย" นายยุคล ลิ้มแหลมทอง อธิบดีกรมปศุสัตว์ ระบุในเอกสารเผยแพร่
กรมปศุสัตว์ได้ออกมาตรการป้องกันความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของเชื้อดังกล่าว โดยให้ชะลอการนำเข้าสุกรและซากสุกรจากประเทศที่มีรายงานการเกิดโรคดังกล่าว และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกัน และเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ด้วยการสุ่มเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจวินิจฉัยโรคจากสุกรทั่วประเทศ
นอกจากนี้ยังเร่งประชาสัมพันธ์แนะนำผู้เลี้ยงสุกรให้หลีกเลี่ยงการเลี้ยงสุกรรวมกับสัตว์ปีก, ให้เข้มงวดการผ่านเข้า-ออกของคนและยานพาหนะโดยฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคอย่างสม่ำเสมอ, หลีกเลี่ยงการเลี้ยงหรือสัมผัสสุกรในฟาร์ม, ให้อาหารที่มีคุณภาพและเสริมวิตามินในอาหารเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์และลดความเครียดของสัตว์, แจ้งสมาคมและชมรมผู้เลี้ยงสุกรให้สังเกตความผิดปกติของสุกร หากพบให้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที พร้อมกันนี้ยังตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังโรคนี้อย่างใกล้ชิดด้วย
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า จะนำระบบควบคุมการขออนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ทั่วประเทศผ่านระบบอินเตอร์เน็ต(E-service) มาให้บริการแก่เกษตรกรเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว
"ระบบนี้สามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับไปยังแหล่งที่มีของสัตวืได้ และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค" นายยุคล กล่าว
ทั้งนี้ หากผู้เลี้ยงสุกรปรับระบบการเลี้ยงให้เป็นมาตรฐานการจัดการฟาร์มที่ดีจะช่วยให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด ซึ่งมีความปลอดภัยต่อผู้เลี้ยงและผู้บริโภค