รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้เห็นชอบตามที่คณะกรรมการประกันสังคม(สปส.)เสนอการลดอัตราเงินสมทบ ส่งเข้ากองทุนประกันสังคม โดยให้นายจ้างและลูกจ้างผู้ประกันตน ลดการจ่ายเงินสมทบ จากฝ่ายละ 5% ของค่าจ้าง เหลือในอัตราฝ่ายละ 3% ของค่าจ้าง
แยกเป็นการลดอัตราเงินสมทบประโยชน์ทดแทน 4 กรณี ประกอบด้วย กรณีเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตายและคลอดบุตร จากฝ่ายละ 1.5% ของค่าจ้าง เป็นฝ่ายละ 0.5% ของค่าจ้าง และลดอัตราเงินสมทบประโยชน์ทดแทน 2 กรณี ได้แก่ กรณีสงเคราะห์บุตร และชราภาพ จากฝ่ายละ 3% ของค่าจ้าง เป็นฝ่ายละ 2% ของค่าจ้าง โดยจะไม่มีการลดอัตราเงินสมทบประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน
อย่างไรก็ตาม การลดอัตราเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม เฉพาะฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างผู้ประกันตน ส่วนรัฐบาลยังจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนในอัตราเดิม คือ จ่ายเงินสมทบในอัตรา 2.75% ของค่าจ้าง เพื่อไม่กระทบสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนในทุกๆกรณี โดยเฉพาะผู้ประกันตนที่มีอายุมาก ซึ่งจะมีสิทธิได้รับเฉพาะบำเหน็จชราภาพ แต่ไม่มีสิทธิได้รับบำนาญ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์เต็มสิทธิ เสมือนกับไม่ได้ลดอัตราเงินสมทบของนายจ้าง
รายงานข่าว ระบุด้วยว่า การลดอัตราเงินสมทบประโยชน์ทดแทนดังกล่าวจะเป็นผลให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 จำนวน 579,235 คน จากข้อมูล ณ มี.ค.52 ลดจำนวนเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ประมาณคนละ 192 บาท/เดือน